กีฬาโอลิมปิก จุดเริ่มต้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการแข่งขันกีฬา

กีฬาโอลิมปิก จุดเริ่มต้น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการแข่งขันกีฬา

กีฬาโอลิมปิก นั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากการ ฉลองให้แด่เทพ ซุส หัวใจของการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิดในยุคโบราณ คือการจัดพิธีเฉลิมฉลองตามความเชื่อ ของชาวกรีกโบราณ ศาสตราจารย์คริสเตเซน ผู้เชี่ยวชาญด้าน ประวัติศาสตร์กรีกโบราณ ได้อธิบายถึงจุดกำเนิด ของกีฬาโอลิมปิกไว้ว่า

มันไม่ใข่เพียงแค่เรื่องของการแข่งกีฬาเท่านั้น ตามที่ศาสตราจารย์คริสเตเซนกล่าวไว้ คือเรื่องจริง ที่ว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ (Ancient Olympics) หรือชื่อเดิมที่เรียกว่า โอลิมเปียด (Olympiads) มันไม่ใช่เพียงแค่มหกรรมการกีฬา แต่เป็นพิธีทางศาสนา ในการเฉลิมฉลองให้แก่มหาเทพซุส ผู้เป็นราชาของเหล่าทวยทวยเทพของชาวกรีก

ตามตำนานแล้ว ผู้ที่ริเริ่มกีฬาโอลิมปิกคือเฮราคลีส บุตรแห่งมหาเทพ ตามบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีการค้นพบหลักฐานจริง ๆ การแข่งขันครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล ณ หุบเขาโอลิมเปีย แต่ทว่าเรื่องราวเหล่านั้นก็เป็นที่ถกเถียงกันว่า อาจจะมีกิจกรรมนี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ที่แน่นอนคือจะจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี ชนิดกีฬาโอลิมปิกมีอะไรบ้าง

ความสำคัญของพิธีกรรมนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ที่เมืองโอลิมเปียแค่ที่เดียว ตามบันทึกในสมัยโบราณ มีกีฬาโอลิมปิก เกิดขึ้นอย่างน้อยถึง 4 แห่ง ที่มีการจัดมหกรรมแบบเดียวกัน นอกจากที่โอลิมเปีย ยังมี โพเรียนเกมส์ ที่เมืองเดลฟี, เนเมียนเกมส์ ที่เมืองเนเมีย และอิสธ์เมียนเกมส์ ใกล้กับเมืองโครินธ์

จะเห็นว่าความนิยมของการแข่งขันมีความเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระจายออกไปถึง 150 เมือง รวมไปถึงเมืองไกล ๆ อย่าง กรุงโรม, เนเปิลส์, โอดีสซีอุส, อันติออค และอเล็กซานเดรีย แต่ก็ไม่มีพิธีในเมืองใดเลย ที่จะกลายเป็นที่นิยมอย่างมากเท่ากับที่โอลิมเปีย

โอลิมปิกโบราณเขาแข่งอะไรกันบ้าง?

เพราะผู้ที่ชนะการแข่งขันโอลิมปิก จะได้รับรางวัลเป็นมงกฎที่ทำจากกิ่งต้นมะกอก ที่ตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส ในการแข่งขันโอลิมปิกช่วงแรก (13 ครั้ง) ในสมัยนั้นมีการแข่งขันเดียว คือการแข่งวิ่งในสนามที่เรียกว่า Stade ซึ่งมีระยะทาง 192 เมตร หรือ 210 หลา กีฬาโอลิมปิกมีอะไรบ้าง โดยนักกีฬาคนแรกที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นแชมเปียนโอลิมปิกคือคอโรเอบัส พ่อครัวคนหนึ่งที่มาจากเมืองโอลิมเปีย เขาชนะการแข่งขันวิ่ง

และในเวลาต่อมา ก็ได้มีการเพิ่มประเภทของกีฬาเข้าไปมากขึ้น คือ การวิ่งที่เรียกว่า Diaulos เพิ่มระยะทางขึ้นเป็น 400 เมตร หรือเท่ากับหนึ่งรอบสนามในปัจจุบัน, Dolichos การแข่งวิ่งระยะทางไกล 1,500-5,000 เมตร การแข่งวิ่งโดยใส่เสื้อเกราะ (Footrace) และปัจญกีฬา (Pentathlon)

นอกจากนั้นแล้ว ก็มีกีฬาต่อสู้เข้ามาอย่างเช่น การชกมวย มวยปล้ำ และกีฬา Pankration ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่างมวยกับมวยปล้ำ คล้ายกับกับ MMA ในปัจจุบัน และยังมีกีฬาอื่น ๆ มากมายเข้ามาเช่นกันอย่าง  กระโดดไกล, พุ่งแหลน, ขว้างจักร และกีฬาขี่รถม้า (Chariot) ดังนั้นนักกีฬาที่ลงแข่งขันจึงกลายเป็นเหล่านักกีฬาอาชีพ ที่ฝึกตนเพื่อเข้าแข่งขันอย่างจริงจัง

รางวัลที่ให้แก่ผู้ชนะในสมัยนั้น คือ กิ่งไม้มะกอก ที่ตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส ที่ว่ากันว่าเป็นที่สิงสถิตของซุส แล้วทำเป็นวงคล้ายมงกุฎ (Olive Wreath) โดยจะมีจักรพรรดิ เป็นผู้พระราชทานมงกุฏ ครอบลงบนศีรษะของผู้ชนะ

เนื่องจากเป็นมหกรรมใหญ่ ที่จะรวบรวมผู้คนเมากมายไว้ โอลิมปิกจึงไม่ได้มีเพียงแค่การแข่งกีฬา แต่ก็ยังมีการประกวดดนตรี ประกวดร้องเพลง และประกวดลำนำอีกด้วย เพราะว่าเป็น เวทีใหญ่ กีฬาโอลิมปิกครั้งล่าสุด ที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ผู้คนชนชั้นธรรมดาทั่วไป และแน่นอนว่า ผู้ที่กลายเป็นแชมเปียนแห่งโอลิมปิก จะได้รับชื่อเสียงที่จะนำมาซึ่งความสุขสบายของชีวิตของพวกเขา

เหตุการณ์ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ความตาย และการกำเนิดใหม่ของโอลิมปิก

ถึงจะเป็นมหกรรม ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในช่วงแรก แต่ความนิยมของกีฬาโอลิมปิกก็ค่อย ๆ เสื่อมถอยลงไปอย่างช้า ๆ หลังจากที่กรีกสูญเสียเอกราช ให้แก่อาณาจักรโรมัน ซึ่งชาวโรมันมองว่า การแข่งขันกีฬาที่เหล่านักกีฬาจะต้องเปลื้องผ้านั้น เป็นกิจกรรมที่อุจาดตา

ในอดีต ไม่มีการบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ว่ากีฬาโอลิมปิกสิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่ถ้ายึดเอาในปี คริสตศักราชที่ 393 ได้มีการบันทึกไว้ว่า จักรพรรเทออดอซิอุส สั่งห้ามการจัดพิธีกรรมของชาวเพเกิน (Pagan) ทุกชนิด และทายาทอย่าง เทออดอซิอุสที่ 2 ก็ได้สั่งทำลายเทวสถานของกรีกทั้งหมด

ชื่อของมหกรรมโอลิมปิก จึงสาปสูญไปตามกาลเวลา และถูกลืมเลือนไปจนสิ้น จนกระทั่ง เวลาล่วงเลยมากว่า 1,500 ปี เปลวเพลิงแห่งโอลิมปิกจึงได้ลุกโชนอีกครั้ง ด้วยขุนนางชั้นบารอนชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง

ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง

ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง ขุนนางชั้นบารอนชาวฝรั่งเศส คือบิดาแห่งโอลิมปิกสมัยใหม่ เขาคือ บารอนชาวฝรั่งเศสที่เกิดในวันปีใหม่ของปี 1863  แรงบันดาลใจของกูแบร์แตง ในการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิก เกิดขึ้นจากการที่เขาได้เดินทางมาพบกับ ดร. วิลเลียม เพนนี บรูกส์ ชาวอังกฤษผู้เขียนบทความ เกี่ยวกับการศึกษามากมาย และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ

ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านั้น ที่ประเทศกรีซ กีฬาโอลิมปิก 2020 จัดขึ้นที่ประเทศใด ก็มีการรื้อฟื้นการแข่งขันกีฬาโอลิมเปียด ในกรุงเอเธนส์มาตั้งแต่ปี 1859 ผู้ริเริ่มคือ เอวานเจลิส ซัปปาส ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักกวี พานาจิโอติส ซุตโซส ที่ได้มีการเสนอแนวคิดในการรื้อฟื้นการแข่งขันกีฬาโบราณมาตั้งแต่ปี 1833 แล้ว

กีฬาโอลิมปิก
ดร. วิลเลียม เพนนี บรูกส์

ในประเทศอังกฤษเอง ดร.บรูกส์ ก็เคยจัดการแข่งขันโอลิมเปียดที่อังกฤษมาแล้วด้วยในปี 1866 แม้ว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะมีนักกีฬาเก่ง ๆ เข้ามาแข่งขัน และมีผู้ชมจำนวนมากมาย แต่ความสำเร็จก็อยู่ไม่นาน เพราะมีคู่แข่งที่จัดการแข่งแบบเดียวกันเยอะเกินไป

เมื่อ ดร.บรูกส์ – ซึ่งมีแนวคิดที่จะไปจัดการแข่งขันโอลิมปิกในกรุงเอเธนส์ ประเทศต้นกำเนิดของการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ในอดีตกาล – ได้พบกับเด็กหนุ่มอย่างกูแบร์แตงผู้มีไฟฝัน จึงได้ฝากความฝันให้เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสผลักดันเรื่องนี้ในเวลาต่อมา ซึ่งนำไปสู่การประชุมของ ‘Union des Sports Athlétiques’ ในกรุงปารีส

กูแบร์แตง เสนอให้มีการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่ความพยายามที่ไม่ย่อท้อทำให้กีฬาโอลิมปิกฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ในทีแรกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตกลงกัน คิดว่าจะจัดการแข่งขันที่ปารีสในปี 1900 เพื่อเริ่มต้นศักราชใหม่พอดี แต่ระยะเวลา 6 ปีนานเกินไป จึงมีความพยายามเร่งให้ไวขึ้นและไปจัดกันที่ประเทศกรีซ เพราะไม่มีที่ใดจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว

การแข่งขันโอลิมปิก สมัยใหม่ ได้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรก ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 1896 ที่เรียกได้ว่าเป็น วันประกาศอิสรภาพของกรีซ

ผู้ที่ทำพิธีเปิดให้คือพระมหากษัติริย์ของกรีซ มีชาติเข้าร่วมแข่งขัน 14 ชาติ นักกีฬา 280 คน แข่งขัน 43 รายการกีฬา โดยมีประเภทของการแข่งขันคือ กรีฑา ยิมนาสติก ว่ายน้ำ เทนนิส มวยปล้ำ จักรยาน ยกน้ำหนัก ยิงปืน ฟันดาบ

หลังจากนั้นมา กีฬาโอลิมปิกจัดขึ้นในทุกกี่ปี กีฬาโอลิมปิกก็ถูกจัดขึ้นต่อเนื่องทุก 4 ปี และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นมหกรรมกีฬาอันดับหนึ่งของมวลมนุษยชาติในปี 1924 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เริ่มมีแยกระหว่างโอลิมปิกฤดูร้อน (Summer Olympic) และโอลิมปิกฤดูหนาว (Winter Olympic)

ประเทศไทย กับ กีฬาโอลิมปิก เรื่องราวและประวัติศาสตร์อีกมากมายก็ยังเกิดขึ้นจวบจนถึงปัจจุบัน

ประเทศไทยเรา ก็ได้มีการเข้าร่วม การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2495 ที่ประเทศฟินแลนด์ โดยส่งนักกีฬาแข่งขันในประเภทกรีฑาประเภทเดียวเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครคว้าเหรียญรางวัลใด ๆ มาได้

กีฬาโอลิมปิก
พเยาว์ พูนธรัตน์

นักกีฬาไทยคนแรกที่ได้ขึ้นแท่นรับเหรียญรางวัลคือ พเยาว์ พูนธรัตน์ นักมวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวต ได้เหรียญทองแดง ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 21 เมื่อปี พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เขาได้กลายเป็นฮีโร่โอลิมปิกคนแรกของไทย

ต่อมา ทวี อัมพรมหา หรือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย ก็คว้าเหรียญเงินแรก ให้ชาวไทยได้ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 23 ณ เมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) ในประเภทมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลต์เวลเตอร์เวต

ทวี อัมพรมหา

ส่วนฮีโร่เหรียญทองคนแรกของไทยคือ ร.อ. สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 26 ที่เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996)

กีฬาโอลิมปิก
สมรักษ์ คำสิงห์

นอกจากนี้ กีฬาโอลิมปิก 2022 ประเทศไทยยังมีสุดยอดนักกีฬาฮีโร่ขวัญใจอีกมากมาย ที่ทุ่มเททั้งกายและใจ ในการฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างหนักหน่วง ทั้งที่คว้าเหรียญรางวัลมาครองได้ และทั้งที่แม้จะไม่ได้เหรียญรางวัล แต่การได้เข้าร่วมแข่งขัน กับสุดยอดนักกีฬาจากทั่วโลก โดยที่พยายามอย่างสุดความสามารถ ก็นับว่าเป็นความภูมิใจของคนไทย ทั้งชาติ

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> ประวัติแมนเชสเตอร์ซิตี้