ประวัติมวยปล้ำ กีฬาวัดความแข็งแรง ที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหมด

ประวัติมวยปล้ำ

ประวัติมวยปล้ำ กีฬาวัดความแข็งแรง ที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดากีฬาทั้งหมด

ประวัติมวยปล้ำ คือ หนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพราะให้ความสนุกของการแข่งขัน ซึ่งก็ได้มีการถ่ายทอดสดกันมาอย่างยาวนานและเป็นที่น่าสนใจมาโดยตลอด โดยมวยปล้ำนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ 1. แบบ Entertain ที่จะเป็นการปล้ำเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ไม่มีการนับคะแนน แพ้-ชนะ และได้รางวัลแบบแข่งขัน แต่จะเป็นการสร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้นให้กับคนดู 2. แบบ กีฬามวยปล้ำ จะเป็นการแข่งขันในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อการคว้าชัยรางวัลต่าง ๆ มาครอง การปล้ำทั้ง 2 รูปแบบนี้จึงมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก

มวยปล้ำ เป็นกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดกีฬาหนึ่ง ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักการใช้อาวุธต่อสู้ เช่น ขวาน ดาบ หอก หรือธนู  เพื่อเอาไว้ต่อสู้กับสัตว์ มนุษย์จะต้องฝึกมวยปล้ำไว้เพื่อป้องกันตัว จากสัตว์ร้ายหรือมนุษย์กลุ่มอื่น อย่างไรก็ตาม มวยปล้ำที่เราจะกล่าวถึงต่อไปเป็นเรื่องราวของ กีฬามวยปล้ำ ในแบบปัจจุบัน ไม่ใช่กีฬาฝึกยามว่าง หรือ ผ่อนคลายอารมณ์ มวยปล้ำในสมัยแรก ฝึกกันเพื่อความอยู่รอดในการดำรงชีวิต ทั้งชีวิตของสมาชิกในครอบครัวและตัวเอง ยิ่งกว่านั้นมวยปล้ำยังช่วยทำให้หาอาหารได้

เมื่อมนุษย์เรียนรู้ประโยชน์ จากไฟ การทำเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และการทำเครื่องมือโลหะ บทบาทของมวยปล้ำก็เริ่มเปลี่ยนไป มวยปล้ำกลายมาเป็นสิ่งให้ความบันเทิงมากกว่า ผู้ชายจะใช้เพื่อทดสอบความแข็งแรงทางร่างกาย เพื่อที่จะเป็นผู้ที่แข็งแรงที่สุดในกลุ่ม โดยใช้มวยปล้ำ ในการคัดเลือกหัวหน้าเผ่า หรือแม่ทัพในการรบ

ผู้ที่ชนะเลิศในการปล้ำ จะได้รับยกย่องว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด และได้รับการยกย่องจากคนทั่วไปบางครั้งได้รับการประพันธ์เป็นเพลงสรรเสริญ หรือได้กลายเป็นตำนานเล่าต่อ ๆ กันมา หรือถูกสร้างเป็นอนุสาวรีย์

ประวัติมวยปล้ำ

ประวัติมวยปล้ำ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ต่อสู้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย ต้องมีกำลัง

มวยปล้ำ กลายมาเป็นกีฬา เมื่อโลกเข้าสู่ยุคอารยะ โดย S.A. Sperider ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2481 ว่ากีฬามวยปล้ำเริ่มในยุคเมโสโปเตเมีย

สิ่งที่กล่าวมาแล้ว ยืนยันได้จากภาพเขียน และภาพแกะสลักรูปมวยปล้ำ ในท่าต่างๆ มากมายที่ผนังของวิหาร และสุสานเบนิ ฮัสซาน (Beni Hassan) จำนวน 200 รูป ในประเทศอียิปต์ก็มีภาพเขียนที่ผนังถ้ำก็มีภาพของการปล้ำทางแถบลุ่มแม่น้ำ 2 สาย ก็มีผู้พบรูปมวยปล้ำในวิหารคยาฟาเจ (Kyafaje) ใกล้ ๆ กับเมืองแบกแดด ประเทศอิรัก

รูปมวยปล้ำที่พบ เป็นฝีมือของชาวสุเมเรียน ซึ่งเป็นชนชาติที่หายสาปสูญไปนานแล้ว และที่เกาะครัตก็ได้พบภาพเขียนรูปมวยปล้ำที่แจกันซึ่งมีความเก่าแก่ไม่น้อย กว่า 1,600 ปีก่อนคริสต์ศักราช

นอกจากหลักฐานซึ่งเป็นภาพวาด ภาพแกะสลัก หรือรูปหล่อดังที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีพงศาวดาร ตำนาน กาพย์ โคลง หรือเรื่องที่เล่าต่อกันมาเกี่ยวกับมวยปล้ำ เช่นพงศาวดารมวยปล้ำของบาบิโลเนีย และแอสซีเรีย ได้บันทึกไว้ว่ามวยปล้ำมีขึ้นในอาณาจักรทั้งสองนี้มากว่า 2,000 ปีก่อนคริสตศาสนา พงศาวดารดังกล่าวได้พรรณนาไว้ในโคลงเรื่องจิลกาเมซ ซึ่งเป็นนิยาย โบราณที่เล่าถึงการผจญภัยอย่างห้าวหาญของจิลกาเมซ ผู้เป็นพระราชาครองนครอูที่มีรูปร่างสูงใหญ่ถึง 16 ฟุต เดิมเป็นคนเลี้ยงแกะอยู่ใกล้กับนครอู มีนิสัยพาลเกเร

พระเจ้าต้องการสั่งสอนให้เขาสำนึกผิด จึงเนรมิตคนป่าชื่อเอ็นกิดูให้มาสู้กับจิลกาเมซ เอ็นกิดูจึงเดินทางรอนแรมไปนครอู และท้าทายให้จิลกาเมซมาสู้กันด้วยเชิงมวยปล้ำ จิลการเมซรับคำท้าทายแล้วมาสู้กันที่ตลาด ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ก่อนที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะพ่ายแพ้พระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็น แล้วให้คนทั้งสองคนดีกัน จิลกาเมซและเอ็นกิดูกอดคอกันเป็นเพื่อนตาย แล้วออกพจญภัยไปทั่วอาณาจักรจนกลายมาเป็นพระราชาแห่งนครอู

ยิวซึ่งเป็นชาติเก่าแก่ ก็ที่มีหลักฐานว่าได้เล่นมวยปล้ำในสมัยเดียวกับ ชาวสุเมเรียน โดยมีหลักฐานยืนยันในโอลดี เทศทาเมนต์ ตอนที่ 32 ภาคเยเนซิสว่า เมื่อยาค็อบถูกละทิ้งไว้เดียวดาย แล้วยาค็อบก็ได้ปล้ำกับชายคนหนึ่งจนถึงรุ่งเช้า ทันใดนั้นศัตรูของยาค็อปก็บันดาลร่างเป็นเทพยดาใน มหากาฬย์โฮเมอร์ (Homer) ซึ่งนักประวัติศาสตร์ใช้เป็นหลักฐานทำให้ทราบเรื่องราวต่างๆ ของกรีซสมัยประวัติศาสตร์ เพราะตัวเอกของเรื่อง มีความสามารถในเรื่องมวยปล้ำ

ประวัติมวยปล้ำ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าถึง นักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ ของกรีซคือ ไมโล แห่งโครตอน ซึ่งชนะเลิศในโอลิมปิกเกมส์ถึง 5 ครั้ง การฝึกของเขาเป็นที่กล่าวกันว่าเขาแบกลูกวัวไปรอบ ๆ สนามซึ่งเป็นแบบอย่างเบื้องต้นของการฝึกยกน้ำหนักในปัจจุบัน เพราะลูกวัวจะโตขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก ร่างกายของไมโลก็จะแข็งแรงขึ้น เพื่อที่จะรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของลูกวัว

ประมาณ 900 ปี ก่อนคริสตศาสนา ราชโอรสของยีอุส กษัตริย์แห่งเอเธนส์ ได้พยายามหามาตรฐานกติกากีฬามวยปล้ำ

มวยปล้ำทางเอเชียก็เป็นที่นิยมแพร่หลาย ตั้งแต่สมัยโบราณเช่นกัน โดยเฉพาะใน เอเชียกลาง และเอเชียไกล ตามหลักฐานแสดงว่าภูมิภาคแถบนี้ มีการเล่นมาอย่างน้อย 5,000 ปี ที่มองโกเลีย และจีน

มวยปล้ำ มีในการแสดงทางพิธีศาสนา ตามที่พงศวดารได้บันทึก เป็นหลักฐานว่า การแข่งขันมวยปล้ำ ในญี่ปุ่นมีก่อนคริสต์ศาสนา ซึ่งมีเรื่องที่เป็นตำนานเล่ากันต่อมา นานมาแล้วพระอาทิตย์ไม่ยอมส่องแสงมายังโลก โดยซ่อนตัวอยู่ในถ้ำลึก ที่เต็มไปด้วยความชึ้นแฉะ บริเวณภูเขาไฟฟูจิยามา

เมื่อมนุษย์ สัตว์ และพืชทั้งหลายขาดแสงอาทิตย์ ก็ไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ดังนั้นประชาชนต่างก็เอาของกำนัลที่มีค่า และเครื่องสังเวยต่าง ๆ มากมายมาบวงสรวง

บางคนก็สวดมนต์อ้อนวอน ให้พระอาทิตย์เกิดความสงสารจะได้เปลี่ยนความ ตั้งใจเดิม แต่ทุกสิ่งที่ทำไปก็ไร้ประโยชน์ ความมืดยังปกคลุมโลกอยู่ทั่วไป ในที่สุดก็มีผู้แนะนำให้จัดมวยปล้ำระหว่างผู้ที่แข็งแรงที่สุดของเกาะเพื่อ บวงสรวง

เพราะทราบว่าพระอาทิตย์สนใจและชอบดูมวยปล้ำ ฉะนั้นซูโม่จึงได้ถูกจัดขึ้น ทำให้พระอาทิตย์ไม่สามารถจะทนความยั่วยวนในสิ่ง ที่ตนชอบในถ้ำได้ จึงออกมาจากถ้ำทำให้มนุษย์ สัตว์ และพืช ได้รับแสงสว่างอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนทางอินเดียก็มีการแข่งขันมานานราว 2,000 ปี ที่ตุรกีมวยปล้ำก็เป็นกีฬาประจำชาติแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ตุรกีก็ยังคงนิยมการเล่นมวยปล้ำอยู่ และสามารถครองแชมป์มวยปล้ำใน กีฬาโอลิมปิก ไว้เสมอ

ในปี 648 ก่อนคริสตศักราช แพนคราตั้น (Pancratun) ก็ถูกนำเข้ามาแข่งขัน ซึ่งแพนคราตั้นสามารถเตะ ต่อย และเหวี่ยงได้ ซึ่งเป็นแบบหนึ่งของมวยปล้ำที่ได้รับความนิยมมาก แต่การแข่งขันครั้งนี้นั้น ทำให้การกีฬาตกต่ำ เพราะนำไปสู่กีฬาอาชีพ และมีการติดสินบนเพื่อการแพ้ชนะด้วย

กีฬามวยปล้ำเริ่มได้รับความสนใจในสมัยกลางอีกครั้งหนึ่ง หลังจากซบเซาในยุคมืด และได้รับความนิยมมากในศตวรรษที่ 18 มีบันทึกเรื่องราวที่กล่าวถึงมวยปล้ำมากมาย รวมทั้งเรื่องเล่าเกี่ยวกับการต่อสู้ มวยปล้ำระหว่าง พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ของอังกฤษ กับ พระเจ้าฟรานซิสที่ 1 ของฝรั่งเศส ที่สนามโคลัช ออฟโกลด์ ซึ่งกีฬามวยปล้ำได้รับความสนใจในส่วนต่าง ๆ ของโลก

โดยเฉพาะทางตะวันตกของยุโรปสหรัฐอเมริกา และดินแดนที่ชาวยุโรปเข้าไปตั้งหลักแหล่ง มีการจัดชิงแชมเปี้ยนตามภาคพื้นต่าง ๆ ของโลก จนมวยปล้ำ เป็นกีฬาที่ทำให้เกิดกีฬาการต่อสู้หลาย ๆ ประเภทในเวลาต่อมา

มวยปล้ำในกีฬาโอลิมปิก

Baron Pia De Coubatin ชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกขึ้นใหม่ จัดที่กรุงเอเธนส์ครั้งแรก ประเทศกรีซ ในปี พ.ศ. 2439 แต่มวยปล้ำก็ยังไม่ได้เป็นกีฬาที่ใช้แข่งขัน จนกระทั่งโอลิมปิก ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2447 ซึ่งจัดที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา มวยปล้ำจึงเป็นกีฬาที่อยู่ในการแข่งขันด้วย และมีในการแข่งขันโอลิมปิกเรื่อยมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

ซึ่งการแข่งขันมวยปล้ำในกีฬาโอลิมปิกมีถึง 3 แบบคือ ฟรีสไตล์ เกรโกโรมัน และแซมโบ ดังนั้นเหรียญสำหรับกีฬาประเภทนี้จึงทั้งหมดถึง 30 เหรียญ

ในเอเชียมวยปล้ำเริ่มเป็นกีฬาในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 2 ซึ่งประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพ โดยจัดให้มีการแข่งขัน 2 ประเภทคือ แบบฟรีสไตล์และแบบเกรโกโรมัน ซึ่งการแข่งขันมวยปล้ำในเอเชียนเกมส์ก็ยังคงมีอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : แทงบอลโลก , มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> เพลงดังในมหกรรมกีฬา