ประวัติเชลซี สิงโตน้ำเงินคราม เจ้าป่าลอนดอน ทีมฟุตบอลชื่อดังแห่งพรีเมียร์ลีก

ประวัติเชลซี สโมสรฟุตบอลเชลซี สิงโตน้ำเงินคราม เจ้าป่าแห่งลอนดอน

ประวัติเชลซี ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบละเอียดของ สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตฟูแล่ม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือที่ถูกเรียกขานว่า “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง สโมตรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในลอนดอน

ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1905 หลังจาก กุส เมียร์ส ซื้อสนามกรีฑา สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยเขาคนนี้มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงสนามหญ้าแห่งนี้ให้กลายเป็นสนามฟุตบอล และยื่นข้อเสนอให้ฟูแล่มที่อยู่ใกล้เคียงกันเช่าสนาม แต่กลับถูกปฏิเสธ ดังนั้นเมียร์สจึงเลือกก่อตั้งสโมสรขึ้นเองเพื่อใช้สนามที่เขาเป็นเจ้าของ

เนื่องจากมีทีมฟุตบอลฟูแล่มอยู่ในเมืองแห่งนี้อยู่แล้ว เขาจึงตั้งชื่อสโมสรว่า “เชลชี” ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกัน จากนั้นมาทีมเชลชีจึงมีผู้จัดการทีมคนแรกคือ จอห์น รอเบิร์ตสัน ในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม และก็นำเชลซีเลื่อนชั้นไปเล่นในลีกสูงสุด (ดิวิชั่น 1) ได้ในฤดูกาลที่สอง

แต่ทีมยังมีผลงานไม่คงเส้นคงวาสลับเลื่อนชั้น-ตกชั้นบ่อยครั้งในช่วงปีแรก ๆ พวกเขาผ่านเข้าถึงเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 1915 ในยุคของ เดวิด คัลเดอร์เฮด อดีตนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ แต่แพ้เชฟฟีลด์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และจบอันดับสามในดิวิชั่น 1 ปี 1920 ซึ่งเป็นการจบอันดับในลีกที่ดีที่สุดของสโมสรในขณะนั้น

 

ประวัติเชลซี ความเป็นมาของ สโมสรฟุตบอลเชลซี ในยุค 1930 – 1970

ด้วยการคุมทีมของ เลสลี ไนท์ตัน เชลซีได้เล่นอยู่ในลีกสูงสุดตลอดช่วงทศวรรษที่ 1930 ทว่าผลงานก็ไม่ได้เป็นที่น่าประทับใจนัก เมื่อจบด้วยอันดับกลางของตารางและท้ายตารางเป็นส่วนมาก จากนั้น บิลลี แบร์เรลล์ เข้ามาคุมทีมตั้งแต่ ค.ศ. 1939-52 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันรายการสำคัญ

ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฟุตบอลอังกฤษได้รับผลกระทบอย่างหนัก เชลซีประสบปัญหาภายในหลายอย่าง พวกเขาทำได้เพียงประคองอันดับอยู่กลางตาราง โดยความสำเร็จในทศวรรษ 1940 ของ ประวัติเชลซี มีเพียงการชนะเลิศฟุตบอลถ้วยการกุศล (War Cup) 2 สมัยเท่านั้น

เท็ด เดร็ก อดีตกองหน้าอาร์เซน่อลและทีมชาติอังกฤษ ประวัตินักเตะเชลซี เข้ามาคุมทีมในปี 1952 และปรับสโมสรให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้วยการโละกลุ่มทหารและข้าราชการวัยเกษียณออกจากการเป็นทีมงาน และได้ปรับทีมเยาวชนและการซ้อมให้เข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งซื้อนักเตะสตาร์ดังเข้ามาร่วมทีมมากมาย

แต่กว่าจะประสบความสำเร็จก็ต้องรออย่างยาวนาน ต้องรอจนถึงฤดูกาล 1954-55 พวกเขาคว้าลีกสูงสุดได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และควรจะเป็นทีมแรกจากอังกฤษที่ได้แข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรยุโรป แต่ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษห้ามไว้เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศ ก่อนที่ เดร็ก

ถูกปลดจากตำแหน่งในปี 1961 และแทนที่ด้วย ทอมมี่ โดเชอร์ตี้ ที่เข้ามาในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม นักเตะเชลซีล่าสุด โดเชอร์ตี้ ได้ทำการปรับปรุงระบบทีมใหม่ ปล่อยนักเตะเก่าหลายคน และซื้อนักเตะใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ปีเตอร์ ออสกู๊ด ตำนานของสโมสร และพวกเขาคว้าแชมป์ลีกคัพได้ในฤดูกาล 1964-65 หลังเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้

กอร์ดอน แบงส์
กอร์ดอน แบงส์

ที่มี กอร์ดอน แบงส์ ผู้รักษาประตูตำนานทีมชาติอังกฤษเฝ้าเสาด้วยผลประตูรวมสองนัด 3-2 ต่อมา เดฟ เซ็กตัน เข้ามาคุมทีมแทน โดเชอร์ตี ก่อนที่จะคว้าแชมป์เอฟเอคัพ 1970 ด้วยการชนะลีดส์ ยูไนเต็ด 2-1 ในนัดแข่งใหม่หลังจากเสมอในนัดแรก 2-2 และปีต่อมาพวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปได้เป็นครั้งแรก

ในรายการยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ ด้วยการชนะ เรอัล มาดริด 2-1 ในนัดแข่งใหม่หลังจากเสมอในนัดแรก 1-1 เชลซีถึงยุคตกต่ำในช่วงทศวรรษ 1970 เมื่อพวกเขาขายผู้เล่นคนสำคัญหลายรายรวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหลายคน

ทั้ง เอ็ดดี แม็คเครดี้, เคน เชลลิโต้, แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ส และ เจฟฟ์ เฮิร์สต์ แต่ก็ทำผลงานได้ไม่ดี และมักจะอยู่ท้ายตาราง และย่ำแย่ต่อเนื่องจนถึงขั้นตกชั้นในปลายทศวรรษ 1970

 

เชลซี ยุค 1982 – 2002 กับเปลี่ยนแปลงกุนซือที่พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ

ในปี 1982 เคน เบตส์ ได้เข้ามาซื้อสโมสรด้วยราคาหนึ่งล้านปอนด์ พร้อมกับปรับปรุงสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ซ้ำร้ายเกือบจะตกชั้นไปดิวิชั่นสาม ในปีเดียวกัน กระทั่งฤดูกาล 1983-84 จอห์น นีล พาทีมคว้าแชมป์ดิวิชั่นสองเล่นชั้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งแต่ต้องตกชั้นอีกรอบในฤดูกาล 1987-88

ก่อนที่จะเลื่อนชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1988-89 ด้วยการคว้าแชปม์และมีแต้มทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 17 คะแนน จากนั้นเป็นต้นมาเชลซีไม่ตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกเลย

ฤดูกาล 1993-94 เชลซีเข้าชิงชนะเลิศ เอฟ เอคัพ ภายใต้การคุมทีมของ เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล แต่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-4 ต่อมา รุด กุลลิท สตาร์ทีมชาติฮอลแลนด์เข้ามาคุมทีมในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในปี 1996 และพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ในปีต่อมา ด้วยการเอาชนะมิดเดิ้ลสโบรช์ 2-0 ต่อมา แต่ปี 1997

เชลซี เปลี่ยนแปลงกุนซืออีกครั้งเมื่อตั้ง จิอันลูก้า วิอัลลี่ สตาร์ทีมชาติอิตาลีคุมทีมแทน กุลลิทในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการ โดยยุคของวิอัลลี่ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ ปี 1998 ด้วยการชนะมิดเดิ้ลสโบรช์ 2-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพ วินเนอร์สคัพ ด้วยการชนะสตุ๊ตการ์ท ทีมดังจากเยอรมัน 1-0

จิอันลูก้า วิอัลลี่
จิอันลูก้า วิอัลลี่

ตามด้วยแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ เชลซีวันนี้ ด้วยการชนะเรอัล มาดริด 1-0 พร้อมกับพาทีมจบอันดับ 3 พรีเมียร์ลีกตามหลังแชมป์อย่างแมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 4 แต้มเท่านั้น ฤดูกาลต่อมา วิอัลลี่ ประกาศเลิกเล่นและคุมทีมเพียงอย่างเดียวก่อนพาทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก แต่พ่าย บาร์เซโลน่า ด้วยผลรวม 2 นัด 6-4

ทั้งที่เอาชนะก่อนในเกมแรก 3-1 ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีกจบอันดับ 5 ก่อนปิดซีซั่น 199-9-2000 ด้วยแชมป์เอฟเอคัพ หลังเอาชนะแอสตัล วิลล่า 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2000-01 แม้ วิอัลลี่ จะพาทีมเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าโล่การกุศลแชริตี้ ชีลด์ ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลอย่างเป็นทางการใบที่ 5

ของเจ้าตัวกับสโมสรในเวลาไม่ถึง 3 ปี ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสรในเวลานั้น แต่ วิอัลลี่ ถูกไล่ออกหลังคุมทีมลงเล่นเกมลีกไปเพียง 5 เกมเท่านั้น เนื่องจากผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 3 และมีปัญหากับผู้เล่นหลายคน รวมถึง จานฟรังโก้ โซลา, ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ และ แดน เปเตรสคู

เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาลี่เข้ามาคุมทีมแทน โดยในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติด 5 อันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ และ พาทีมเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ได้อีกครั้งในปี 2002 แต่แพ้ อาร์เซน่อล 0-2

 

เชลซีในยุคที่สโมสรถูกขายให้ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย

ในเดือนมิถุนายน 2003 เชลซี มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ เคน เบตส์ ตัดสินใจขายสโมสรให้ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียในราคา 140 ล้านปอนด์ และทีมได้ทุ่มซื้อผู้เล่นชื่อดังมากมาย โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของสโมสรในการยกระดับเป็นทีมระดับโลกจนถึงปัจจุบัน

ประวัติเชลซี
โรมัน อบราโมวิช

โดย รานิเอรี่ ยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการใช้เงินกว่า 100 ล้านปอนด์ซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีม แต่สุดท้าย เชลซี ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรได้สักรายการ จบอันดับ 2 พรีเมียร์ลีก และตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก

ทำให้ รานิเอรี่ โดนปลดออกจากตำแหน่ง และเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีสเข้ามาคุมทีมแทน มูรินโญ่ พาทีมประสบความสำเร็จมากมายเริ่มจากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2004-05 ด้วยคะแนนสูงถึง 95 คะแนน และเป็นครั้งแรกที่สโมสรคว้าแชมป์ลีกได้นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาจากฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่ง

และยังเอาชนะลิเวอร์พูลในนัดชิงชนะเลิศลีกคัพ 3-2 สโมสรฟุตบอลเชลซี ป้องกันแชมป์ลีกได้สำเร็จในปีต่อมา ถือเป็นสโมสรที่ 5 ในอังกฤษที่ได้แชมป์ลีก 2 สมัยติดต่อกันนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 เชลซีได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยสองรายการ คือ เอฟเอคัพ ที่เอาชนะชนะแมนฯยูไนเต็ด 1-0 และลีกคัพ ที่ชนะ อาร์เซน่อล 2-1

20 กันยายน 2007 มูรินโญ่ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังทำผลงานไม่ดี แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2, เสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0 และ เสมอ โรเซนบอร์ก 1-1 ประกอบกับมีปัญหากับผู้บริหาร โดยเป็น อัฟราม แกรนท์ เข้ามาคุมทีมต่อ และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีกครั้งแรกแต่แพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

รวมทั้งได้รองแชมป์ลีกคัพ และพรีเมียร์ลีก ที่ได้ลุ้นถึงนัดสุดท้ายแต่โดนโบลตัน ตีเสมอ 1-1 ในนาทีสุดท้าย ทำให้มี 85 แต้ม ตามหลังทีมแชมป์อย่างแมนฯยูไนเต็ด 2 แต้มให้แกรนท์ โดนปลดไปตามระเบียบ

ฤดูกาล 2008-09 หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี่ กุนซือชาวบราซิเลี่ยนเขามาคุมทีมเข้ามาคุมทีมแต่ก็โดนปลดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2009 หลังจากนำทีมเสมอ ฮัลล์ 0-0 ตามหลังแมนฯยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง7 แต้ม โดยเป็น กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์

เข้ามารับตำแหน่งชั่วคราวและพาทีมผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกแต่แพ้บาร์เซโลนาด้วยกฏประตูทีมเยือน รวมทั้งจบอันดับ 3 ในลีก ก่อนปิดซีซั่นด้วยแชมป์เอฟเอคัพ หลังชนะเอฟเวอร์ตัน 2-1

 

ประวัติเชลซี ยุค 2009 – 2017 ชนะรวดสร้างสถิติใหม่ คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และความพ่ายแพ่ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์

ฤดูกาล 2009-10 คาร์โล อันเชลอตติ ยอดกุนซือชาวอิตาเลี่ยน เข้ามาคุมทีมต่อจากฮิดดิ้งค์ และประเดิมด้วยชนะจุดโทษแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมคอมมิวนิตีชีลด์ ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยสถิติยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์จำนวน 103 ประตู

ประวัติเชลซี
คาร์โล อันเชลอตติ

พร้อมป้องกันแชมป์เอฟเอคัพได้ด้วยการชนะ พอร์ทสมัธ 1-0 ต่อมา ในฤดูกาล 2010-11 เชลซีเริ่มต้นด้วยการแพ้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเกมคอมมิวนิตี ชีลด์ 1-3 ก่อนจบฤดูกาลด้วยรองแชมป์ลีกและไม่มีแชมป์ติดมือทำให้ อันเชลอตติ โดนปลดไปตามระเบียบ

ในฤดูกาล 2011-12 อันเดร วิลลาส-โบอาส กุนซือหนุ่มวัย 34 ปี (ในขณะนั้น) หลังทำผลงานยอดเยี่ยมกับปอร์โต้ ยักษ์ใหญ่ลีกโปรตุเกส แต่คุมทีมได้เพีง 9 เดือนก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2012 ขณะที่ สโมสรฟุตบอลเชลซี รั้งอันดับ 5 พรีเมียร์ลีกตามหลัง “จ่าฝูง” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 20 คะแนน

แม้จะยังมีลุ้นในฟุตบอลยุโรป รวมทั้งในศึกเอฟเอคัพด้วย โดยเชลซีแต่งตั้ง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ เข้ารับตำแหน่งกุนซือชั่วคราวไปจนหมดฤดูกาล ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรหลังเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมขากเยอรมันในการดวลจุดโทษ

ซึ่งเป็นสโมสรแรกจากลอนดอนที่คว้าแชมป์ได้ รวมทั้งคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ จากการชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ทำให้ ดิ มัตเตโอ ได้รับสัญญาถาวร แต่ก็ถูกปลดในฤดูกาลต่อมา โดยเป็น ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือสแปนิชเข้ามาคุมทีมชั่วคราว โดยพาทีมคว้ารองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ)

หลังแพ้ โครินเธียนส์ สโมสรจากบราซิล 0-1 แต่คว้าแชมป์ยูโรปาลีก ได้เป็นสมัยแรกด้วยการชนะ เบนฟิก้ 2-1 ทำสถิติเป็นสโมสรแรกที่ได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและยูโรปาลีกสองฤดูกาลติดต่อกัน รวมทั้งเป็นสโมสรที่ 4 ที่คว้าแชมป์ถ้วยหลักของยูฟ่าครบทั้ง 3 รายการ

ฤดูกาล 2013-14 โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมาคุมทีมอีกครั้งแม้จะไม่ได้แชมป์อะไรเลยในปีแรก แต่ในปีต่อมาเขาพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และ แชมป์ลีก คัพ แต่ฤดูกาล 2015-16

ประวัติเชลซี
โชเซ่ มูรินโญ่

เริ่มต้นด้วยการแพ้อาร์เซน่อล 0-1 ในเกมคอมมิวนิตี้ ชีลด์ และมีผลงานย่ำแย่ทำให้ มูรินโญ่ โดนปลดอีกรอบและเป็น กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาคุมทีมชั่วคราวอีกครั้ง แต่ผลงานไม่ดีขึ้นจบฤดูกาลเพียงอันดับ 10 ไม่ได้ไปแข่งขันฟุตบอลยุโรป

ประวัติเชลซี ฤดูกาล 2016-17 อันโตนีโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลี่ยนเข้ามาคุมทีม และทำทีมชนะ 13 นัดรวดเป็นสถิติใหม่สโมสรก่อนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้รวมทั้งทำสถิติเป็นทีมแชมป์ที่ชนะ 30 นัดในลีก

แต่ในฤดูกาลต่อมาทำได้เพียงรักษาอันดับไปเล่นยูโรปาลีก และแม้จะคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้จากการชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1-0 แต่สุดท้ายคอนเต้ โดนปลดพ้นตำแหน่ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาเลียนเข้ามาคุมทีมต่อ และพาทีมชนะรวดหลายนัดในช่วงแรก ก่อนจะสะดุดในเวลาต่อมารวมทั้งการแพ้บอร์นมัธ 0-4

รวมถึงแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-6 ซึ่งเป็นการแพ้ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของสโมสร ตามด้วยแพ้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0-2 ตกรอบเอฟเอ คัพ และแพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศลีก คัพ แต่ทีมยังจบอันดับ 3 ในลีกและคว้าแชมป์ยูโรปาลีกได้ด้วยการชนะอาร์เซน่อล 4-1

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : โหลดเกมส์

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> ประวัติเลสเตอร์ซิตี