วงการกีฬา New Normal ไหนจะโควิด-วาดา เรื่องนี้ทำวงการกีฬาไทยอ่วม

วงการกีฬา New Normal

วงการกีฬา New Normal ไหนจะโควิด-วาดา วิกฤตเรื่องนี้ทำกีฬาไทยอ่วม

วงการกีฬา New Normal ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่า พิษโควิด-19 ก็ยังคงอาละวาดและลุกลามต่อเนื่อง มาตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา จนมาถึงตอนนี้ ซึ่ง วงการกีฬาโลก เองก็โดนผลกระทบกันอย่างหนักหน่วง จนถึงขั้นต้องมีหยุด เลื่อนการแข่งขันกันไปเลยทีเดียว

แต่เมื่อโลกของเรา เริ่มมีการต่อสู้กับโรคระบาด อย่างไม่หยุดหย่อน ได้มีการผลิตวัคซีนขึ้นมา และฉีดป้องกันให้กับผู้คนในเปอร์เซ็นที่สูงขึ้นมากพอ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นเหมือนแสงแห่งความหวังของโลก ส่งผลให้สถานการณืของโลกในปี 2021 ดีขึ้นมาบ้าง ตามลำดับ

ถึงแม้ว่าจะยังมีปัญหาอยู่บ้างในบางพื้นที่ และบางเวลา แต่คนทั่วโลก ก็สามารถกลับมาทำกิจกรรมเหมือนเดิม ในสังคมได้อย่างปกติทั่วไป ใช้ชีวิตเฉกเช่นแบบเดิม แต่ในส่วนที่ประเทศไหน ที่ยังมีการระบาดกลับมาอีก ก็สามารถควบคุมได้ดีขึ้นบ้าง ความหวาดวิตก ก็ลดน้อยลงตาม

เช่นเดียวกันกับ วงการกีฬา ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน เพราะหลายกีฬาสามารถกลับมาเปิดให้แข่งขันกันได้ ถึงแม้จะยังต้องมีมาตรการป้องกัน ที่ต้องรัดกุม และเข้มขันอยู่เสมอ เพื่อรักษาความปลอดภัยเอาไว้ แต่ก็ถือว่าผ่อนคลายลงได้เยอะทีเดียว

สีสันของโลก ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากซีดหายไปนาน 

สีสันของโลกใบนี้กลับมาแล้ว สัญญาณอย่างนึงที่บอกว่าโลกของเรากลับมาได้ หลังจากฟุบไปนาน ภายใต้การใช้ชีวิตแบบ New Normal ก็คือ โอลิมปิกโตเกียว 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้มีการจัดการแข่งขันไปเรียบร้อย เลื่อนมาจากปี 2020 ก็แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ เอาชนะไวรัสได้ แบบไม่มีอะไรจะมาขัดกว้างเรา

สิ่งที่เด่นชัดที่สุด ก็คือ ฟุตบอลลีกยุโรป จากที่นักเตะเล่นกันเอง ไม่มีแฟนบอลข้างสนาม ตอนนี้ แฟน ๆ เข้ามาได้เต็มความจุสนาม ทำให้บรรยากาศเดิมๆกลับมาอีกครั้ง

วงการกีฬาไทย บ้านเราก็เช่นเดียวกัน หลังจากตลอดปี 2020 มาก็หยุดแช่แข็งไปนาน เงียบเหงาแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดปี 2021 ก็มีความหวังมาบ้าง ว่าทุกอย่างจะค่อย ๆ ฟื้นกลับมาได้

ต้องบอกว่า เมื่อช่วงต้นปี สมาคมกีฬาแบดมินตัน แห่งประเทศไทย ก็ได้มีการประเดิมจัดแบดมินตัน ถึง 3 รายการใหญ่ด้วยกัน ที่เมืองทองธานี ในรูปแบบบับเบิล ป้องกันโควิด-19 ได้อย่างดี จนกลายเป็น แม่แบบ ในการจัดกีฬาให้กับทั่วโลกไปเลย ซึ่งที่โตเกียวเกมก็ได้มีการใช้ข้อดีส่วนนี้ไปปรับปรุงใช้ด้วย รองเท้ากีฬา แท้

จากนั้ต่อมา อีกหลาย ๆ เกมกีฬา ก็ค่อย ๆ กลับมาจัดการแข่งขันได้ ภายใต้รูปแบบการป้องกันโควิดแบบสูงสุด ซึ่งทุกอย่างก็ดูค่อย ๆ จะดีขึ้น ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น แต่ทว่าก็มาเกิดเรื่องช็อกอีกจนได้

วงการกีฬาไทย ต้องมาเจอปัญหา แบบใหญ่รุนแรง เล่นงานซ้ำซ้อน เติมเพิ่มจากวิกฤติโควิด – 19 อีกรอบหนึ่ง จู่ ๆ องค์การต่อต้าน การใช้สารต้องห้ามของโลก หรือ วาดา ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2564

เนื้อหาใจความ สำคัญบอกว่า ประเทศไทย อินโดนีเซีย และ เกาหลีเหนือ ทำผิดกฎเรื่องสารต้องห้าม และต้องถูกลงโทษ โดยส่วนใหญ่ของไทย ถูกระบุความผิดไว้ว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมนูญสารต้องห้ามของวาดา ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ในขณะที่อินโดนีเซีย และเกาหลีเหนือ ผิดกฎด้านการดำเนินการตรวจสารต้องห้ามในนักกีฬา ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

วงการกีฬา New Normal กลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่แค่วงการกีฬา เป็นเรื่องระดับประเทศไปเรียบร้อย

ประเทศไทย มีพันธะผูกพัน กับ องค์การกีฬาโลก และ สหประชาชาติ โดยเราได้รับบทลงโทษ 4 ข้อ เป็นเวลา 1 ปีเต็ม นับจากวันที่มีการประกาศ

ข้อแรก ไทยไม่สามารถ ร่วมเป็นกรรมการ และรับทุนสนับสนุนจากวาดาได้ ข้อสอง กรรมการชาวไทย ในนามตัวแทนรัฐบาล ยกเว้นในนามบุคคล ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในสหพันธ์กีฬานานาชาติ ข้อสาม ไม่สามารถจัดการแข่งขันกีฬานานาชาติ ระดับภูมิภาค ทวีปและโลก ยกเว้นเกมที่ได้มีการอนุมัติให้จัดก่อนมีบทลงโทษ ข้อสี่ ห้ามไม่ให้ผู้จัดการแข่งขัน ใช้ธงชาติไทยในสนามการแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาค ทวีป และโลก ยกเว้นโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ เลยต้องเลี่ยงมาใช้ธงคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯแทน

โดยเรื่องนี้ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้หลังเกิดเรื่องนี้ไม่นานว่า ได้เชิญการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มาเล่าถึงปัญหาดังกล่าว ทำให้รู้ว่า จำเป็นต้องแก้กฎหมายในส่วนของพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 ให้ กกท.

ที่จริงต้องมีการแก้กฎหมายนานแล้ว แต่เหตุที่ยังไม่ได้ทำ เพราะ กกท. คิดว่าสามารถใช้วิธีการเจรจากับวาดาได้ แต่ปรากฏว่า เขาเอาจริงเหมือนที่ทำกับรัสเซีย ในกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ผ่านมา

จึงได้นำ เรื่องการแก้กฎหมายเข้าสู่การพิจารณา ของคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนกันยายน ซึ่งที่ประชุม คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ กกท. กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปหารือร่วมกันให้ได้ข้อยุติ supersport 2020

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่วาดา ต้องการให้เราปรับปรุงมี 5 ข้อ ข้อแรก เรื่องเกี่ยวกับความเป็นอิสระของสำนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสารต้องห้าม ซึ่งประเทศไทยมีหน่วยงานนี้แล้ว ตามพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทาง การกีฬา พ.ศ.2555 แต่หน่วยงานนี้ขึ้นอยู่กับ กกท. จึงต้องแยกหน่วยงานดังกล่าวออกไปเป็นอิสระจากรัฐ

ข้อ 2 เรื่องบทลงโทษผู้ที่ใช้สารต้องห้าม ข้อ 3 เรื่องบุคคลอื่นที่ไม่ใช่นักกีฬา แต่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักกีฬา อาทิ ครอบครัวของนักกีฬา ข้อ 4 เรื่องการลงโทษนักกีฬาโดยตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงแข่งขัน ซึ่งบทลงโทษที่มีอยู่เดิมยังไม่เพียงพอ และข้อสุดท้าย เป็นประเด็นที่เกี่ยวกับนิยามคำว่า “สารต้องห้าม

เมื่อแก้กฎหมายเสร็จ ก็จะออกมาเป็นร่างกฎหมาย 1 ฉบับ ถ้าต้องการนำมาใช้เป็นการเร่งด่วน จะออกเป็นพระราชกำหนด ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปดูเงื่อนไขความจำเป็นเร่งด่วนหรือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องได้ คือ เป็นเรื่องที่กระทบความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ก็สามารถออกเป็นพระราชกำหนด โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ได้” ดร.วิษณุกล่าว

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ทันทีที่ทราบเรื่อง กกท.ได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการแก้ไขตัวบทกฎหมาย พระราชบัญญัติควบคุมสารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 ให้สอดคล้องกับวาดา ตามมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ หลังจาก กกท. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายสารต้องห้ามให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม กระบวนการจากนี้ไป จนถึงการประกาศใช้กฎหมาย น่าจะเสร็จเรียบร้อย เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

จากนั้น เมื่อทุกอย่างสมบูรณ์ จะนำเสนอวาดาพิจารณา เมื่อวาดาประกาศรับการแก้ไข ก็จะเป็นในส่วนของไทยเราที่จะยื่นขออุทธรณ์ระยะเวลาการบังคับโทษ 4 ข้อ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด น่าจะเสร็จในเดือนเมษายน

สำหรับประเด็นที่มีการแก้ไขในร่างกฎหมายสารต้องห้าม เป็นการบริหารงานของหน่วยงานตรวจสารต้องห้ามของไทย ให้มีความเป็นอิสระจากหน่วยงานทางด้านกีฬา

ให้มีการเพิ่มเติมบทลงโทษจากเดิม ลงโทษทุกคนที่ไปเกี่ยวข้องกับสารต้องห้าม

ยังต้องมีการเพิ่มเติมบทลงโทษ เอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องรอบด้านทั้งหมด ซึ่งบทลงโทษได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการเปิดโอกาสให้อุทธรณ์โทษก็ต้องมีไว้ด้วย

สิ่งสำคัญในเรื่องนี้ จำเป็นต้องปลดล็อกโทษแบนให้ได้ก่อน ยิ่งรีบแก้ไขให้เร็วที่สุดผลเสียที่เกิดขึ้นก็จะน้อยลง” ผู้ว่าการ กกท.กล่าว ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า จะมีการประกาศใช้ กฎหมายสารต้องห้ามออกมาได้เมื่อไหร่ เมื่อเสร็จแล้ว จะไปเจรจาขอลดโทษจากวาดาที่วางโทษไว้ 1 ปี ได้หรือไม่

แน่นอนว่า นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะหัวหน้านักกีฬาไทย ได้บอกไว้ในโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่าประเทศไทยอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

เพราะเกมดังกล่าวอยู่ในข้อยกเว้นของวาดา ไทยสามารถใช้ธงชาติไทยในสนามได้

แต่กับเกมการแข่งขันต่อจากนั้น โดยเฉพาะกับซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นใดๆของวาดา ยังอยู่ในช่วงการลงโทษอยู่ด้วย

การเจรจาของฝ่ายไทยกับวาดา จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสุด ๆ เป็นเดิมพันที่สูงมาก หากพูดคุยจนวาดา ยอมลดโทษให้ ก็ถือเป็นข่าวดีแห่งปี ที่ธงไตรรงค์ จะได้กลับมาโบกสะบัดในทุกสนามเหมือนเดิม เป็นศักดิ์เป็นศรีของประเทศ ถ้าเจรจาไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นความอ่วมหนักของวงการกีฬาไทย ตอกย้ำความวิกฤตเข้าไปอีก

ขอบคุณข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ จาก : UFABET , มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> 5 สตาร์ลิเวอร์พูล