เลบรอน เจมส์ “Chosen 1” นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ

เลบรอน เจมส์ จากเด็กในครอบครัวยากจน สู่ ราชาบาสเกตบอล นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ

เลบรอน เจมส์ เป็นนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอ NBA เป็นผู้เล่นที่มีพรสวรรค์และความสามารถหลากหลายคนหนึ่งในเอ็นบีเอ NBA มีความสูง 6 ฟุต 8 นิ้วหรือ 203 เซนติเมตร และ หนัก 252 ปอนด์ ถึงแม้ว่าจะเล่นในตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ด(Small forward) เป็นหลัก แต่เจมส์ก็สามารถเล่นตำแหน่งพอยท์การ์ด(Point guard) ได้อีกด้วย เจมส์มีการมองมุมกว้างในสนามที่ดี ทักษะในการส่งลูก (Assist) และการกระจายบอลให้ผู้เล่นอื่นได้เล่น

ทำให้ผู้คนมักเปรียบเทียบเขากับ แมจิก จอห์นสัน (Magic Johnson) และเปรียบเทียบทักษะทางด้านกีฬาและความสามารถในการทำคะแนนกับไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan) ปัจจุบันเขาได้ก้าาสขึ้นมาเป็น นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ

เขาได้สร้างประวัติศาสตร์นักบาส NBA คนแรก ที่ทำคะแนนทะลุ 40 แต้มใส่คู่แข่งครบทุกทีม แม้การทำ 46 แต้มของ เลบรอน เจมส์ จะไม่สามารถช่วยให้ ลอสแองเเจลิส เลเกอร์ส รอดพ้นจากการปราชัยให้กับ แอลเอ คลิปเปอร์ส ด้วยคะแนน 133-115 ในศึก Battle of L.A.  แต่อย่างไรก็ดี การทำคะแนนดังกล่าวของ ‘คิงเจมส์‘ ก็ทำให้เขาได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ว่า

เป็นนักบาสคนแรกที่สามารถทำคะแนนแตะหลัก 40 กับคู่แข่งทุกทีมในลีกเอ็นบีเอ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ราชาบาสเกตบอล ยังเคยสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่นคนแรกของเอ็นบีเอที่สามารถทำ Triple-Double (ทำ 3 อย่าง ให้ได้ตัวเลข 2 หลัก คือ การทำคะแนน รีบาวน์ แอสซิสต์ สตีล (แย่งบอล) และบล็อก จาก 5 อย่าง) กับทั้ง 30 ทีมในเอ็นบีเอมาแล้ว

นอกจากนี้ เลบรอนยังขึ้นแท่นเป็น นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ แซงหน้าตำนานนักบาส คารีม อับดุล-แจบบาร์ (Kareem Abdul-Jabbar) เจ้าของสถิติที่ทำไว้ 38,387 คะแนน

ประวัติ เลบรอน เจมส์ นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ

เลบรอน เจมส์ เกิดเมื่อปี ค.ศ 1984 ที่เมือง Akron ในรัฐ Ohio ในครอบครัวที่ยากจน และเติบโตมาด้วยความยากลำบาก โดยมีแม่และพี่ชายเป็นเสาหลักของบ้านในการหาเลี้ยงครอบครัว และด้วยความยากจนในวัยเด็กนั้นเอง ก็ทำให้เจมส์ต้องเร่ร่อนไปอาศัยตามบ้านเพื่อนบ้านเป็นประจำ หลังจากนั้นไม่นาน เจมส์ก็ได้รู้จักกับ Frankie Walker ซึ่งเป็นโค้ชบาสเก็ตบอลคนแรกของเขา ต่อมาแฟรงกี้ให้เจมส์ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกันกับลูกชายเขา

ที่นี่เจมส์ได้ฝึกทักษะบาสเก็ตบอลและระเบียบวินัยการใช้ชีวิต ซึ่งก็นับว่าเป็นโอกาสที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับ จากนั้นมาเจมส์ในวัยหนุ่มได้เข้าสู่วงการ NBA ด้วยการเป็นดราท์ฟอันดับ 1 ของปีที่เขาได้ลงเข้าร่วม ซึ่งเขาเป็นเพียงคนที่สองที่เป็นเพียงเด็กนักเรียนระดับมัธยมแล้วได้รับเลือกเป็นดราฟท์อันดับ 1 ของรุ่น โดยทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ (Cleveland Cavaliers) ซึ่งเป็นทีมเมืองเกิดของเจมส์ที่ได้ตัวเขาไป

จากผลงานของ คลีฟแลนด์ ซึ่งเคยเป็นทีมแจกแต้ม ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นทีมเพลย์ออฟ เจมส์คือความหวังของคนทั้งเมือง เป็นดั่ง ผู้ถูกเลือก “Chosen One” แต่แล้วเขาก็ทำให้คนทั้งเมือง Cleveland ใจสลาย เมื่อได้ตัดสินใจเป็นฟรีเอเจนต์ และย้ายไปร่วมทีม Miami Heat ในแบบที่ยอมลดค่าเหนื่อย แน่นอนว่าในเหตุการณ์นั้น ทำให้ชาวเมืองต่างพากันออกมาเผาเสื้อเบอร์ของเขาทิ้งเต็มถนน เพราะเขาได้กลายเป็นคนทรยศสำหรับคนทั้งเมือง

เลบรอน เจมส์

แต่สำหรับเจมส์แล้ว นี่นับว่าเป็นการตัดสินใจอย่างถูกต้อง เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เขาเล่นให้กับ ไมอามี ฮีต เขาสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด และยังได้สองแชมป์ในปี 2021 และ 2013 ซึ่งนี่คือช่วงเวลาที่ เลบรอน เจมส์ ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของลีคอย่างแท้จริง เป็นดั่ง ราชาบาสเกตบอล หลังจากคว้าความสำเร็จและขึ้นสู่จุดสูงสุด ก็มาถึงจุดอิ่มตัวกับ ไมอามี ฮีต

หลังจากนั้น ราชาบาสเกตบอล ผู้นี้ก็หวนกลับมายังทีมบ้านเกิดของตัวเอง คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ อีกครั้ง พร้อมกับกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทีม แถมนอกจากนี้เขายังได้ช่วยให้ทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ คว้าแชมป์ NBA มาครองได้อีกด้วย นั่นทำให้ชาวเมืองให้อภัยที่เขาได้จากทีมไปก่อนหน้านี้ เพราะการคว้าแชมป์ NBA ของทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ นั้นเป็นการลบคำสาปของเมือง

เลบรอน เจมส์

ที่ไม่เคยคว้าแชมป์กีฬาอะไรเลยมาก่อนหน้านี้ถึง 50 ปี และในฤดูกาลนี้ เลบรอน เจมส์ หลังจากที่เขาเป็น ฟรีเอเจนต์ เขาได้ตัดสินใจ ย้ายไปอยู่กับ ลอสแอนเจลิส เลเกอส์ Los Angeles Lakers เพื่อปลุกทีมในตำนานทีมนี้ให้กลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง หลังจากที่ ลอสแอนเจลิส เลเกอส์ นั้นไม่สามารถคว้าแชมป์มาได้หลายปีแล้ว

ขึ้นแท่นเป็นนักบาสที่ได้รับค่าจ้างสูงสุดในประวัติศาสตร์ NBA หลังต่อสัญญากับ แอลเอ เลเกอร์ส

เลบรอน เจมส์ ย้ายมาอยู่กับ ลอสแอนเจลิส เลเกอส์ ในปี 2018 และช่วยทีมคว้าแชมป์ NBA 1 สมัย แต่ฤดูกาลที่ผ่านมา ทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ไม่สามารถผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้ แม้ว่าตัวเขาจะทำเฉลี่ย 30.3 คะแนน, 8.2 รีบาวด์ และ 6.2 แอสซิสต์ต่อเกม นั่นทำให้อนาคตของเขากลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตา เพราะเหลือสัญญากับทีมม่วงทองแค่ปีเดียวเท่านั้น

แต่ล่าสุดเจ้าของรางวัล MVP 4 สมัย ตัดสินใจต่อสัญญากับทีมอีก 2 ฤดูกาล พ่วงเงื่อนไข Player Option ในฤดูกาล 2024/25 เท่ากับว่า เขาจะสามารถเลือกได้ว่า จะอยู่กับทีมต่อไป หรือ เป็นฟรีเอเยนต์ เมื่อถึงปี 2024

อย่างไรก็ดี เลบรอน ไม่สามารถระบุเงื่อนไขห้ามทีมเทรดเขาออก (no-trade clause) ในสัญญาได้ เพราะนี่คือการต่อสัญญา ไม่ใช่การร่างสัญญาใหม่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะถูก เลเกอร์ส เทรดออกจากทีมง่าย ๆ เนื่องจากเขามีเงื่อนไขได้รับส่วนแบ่ง 15% จากค่า Trade Kicker กรณีถูกเทรดออกจากทีมระบุไว้นั่นเอง

เลบรอน เจมส์ จะได้รับค่าเหนื่อยจากการต่อสัญญาอย่างน้อย 97.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั่นทำให้เขากลายเป็น นักบาสเกตบอลที่ได้รับค่าจ้างตลอดอาชีพสูงที่สุด ในประวัติศาสตร์NBA ทันที ด้วยรายรับการันตี 532 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำลายสถิติของ เควิน ดูแรนท์ ฟอร์เวิร์ดคนดังของ บรูคลิน เน็ตส์ ที่ได้รับค่าจ้างรวม 509 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ยิ่งกว่านั้น เขายังมีลุ้นทำเงินได้สูงกว่านั้น เพราะเขามีโอกาสรับทรัพย์ถึง 111 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับความผันผวนของเพดานค่าจ้าง (salary cap) การต่อสัญญาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เลบรอน เจมส์ ยังไม่มีวี่แววที่จะเลิกเล่นง่าย ๆ เพราะเขายังหวังที่จะได้ลงเล่นเคียงข้างลูกชายอย่าง บรอนนี ที่มีสิทธิ์ถูกดราฟท์เข้าสู่ NBA ในปี 2025 ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น เขาจะสามารถเซ็นสัญญากับทีมที่ดราฟท์ลูกชายของเขาเข้ามาได้ทันที

ก่อนหน้านี้ มีคู่พ่อลูกน้อยมากที่ได้ลงเล่นร่วมกันในการแข่งขันระดับสูงสุดของวงการกีฬาสหรัฐฯ หนึ่งในนั้นคือ คู่พ่อลูกตระกูลกริฟฟีย์ ที่ลงเล่นกับทีม ซีแอทเทิล มาริเนอร์ส ด้วยกัน ในศึกเบสบอล เมเจอร์ลีก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี 1990

รวยหมื่นล้าน และถือหุ้นลิเวอร์พูล เปิดทรัพย์สินของ ราชาบาสเกตบอล

เมื่อมีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ติดตลาด สิ่งที่ตามมานอกสนาม คือการถูกทาบทามเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาหรือตัวแทนให้กับแบรนด์ต่าง ๆ หลายคนอาจไม่รู้ว่า คนที่ดั๊งก์ลูกบอลลงห่วงอย่างสวยงามนั้น มีทรัพย์สินเป็นระดับหมื่นล้านบาท นอกเหนือจากรายได้จากอาชีพนักกีฬาแล้ว เจมส์ยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการถือหุ้นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลอีกด้วย

ตั้งแต่ตอนที่เขาได้เข้า NBA ใหม่ ๆ ก็มีหลายบริษัทต้องการเป็นผู้ผลิตรองเท้าบาสแบรนด์ LeBron โดย Reebok ยื่นข้อเสนอดีที่สุดมูลค่า 3,600 ล้านบาท แต่สุดท้ายเขากลับเลือก Nike ที่เสนอสัญญามูลค่า 2,700 ล้านบาท

ซึ่งราคาน้อยกว่า สาเหตุก็เพราะ ชื่อ Nike นั้นค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าเจ้าอื่นในตลาด เพราะมีรองเท้าบาสรุ่นยอดฮิตอย่าง Air Jordan อยู่แล้ว

LeBron James Tops NBA Shoe Sales at $340 Million for Nike | News, Scores, Highlights, Stats, and Rumors | Bleacher Report

ทำให้ ราชาบาสเกตบอล มองว่ามันคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูก รองเท้าแบรนด์ LeBron กลายเป็นรุ่นขายดีในแทบทุกปี และ Nike ก็ได้ขอต่อสัญญาแบบตลอดชีวิตกับ ราชาบาสเกตบอล ที่อนาคตอาจมีมูลค่ารวมมากกว่า 31,000 ล้านบาท ในขณะที่ Reebok ไม่มีสัญญากับนักบาสเกตบอลดัง ๆ คนไหนแล้ว

นอกจากนั้น นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ คนนี้ยังมีการทำธุรกิจอีกมากมาย โดยสิ่งที่น่าสนใจคือ ลักษณะของการร่วมงาน จะไม่ใช่แบบเป็นพรีเซนเตอร์แล้วรับเงินค่าจ้างอย่างเดียว

แต่ขอเป็นหุ้นส่วนด้วย ในปี 2006 บริษัทผลิตหูฟัง Beats ติดต่อหาเจมส์ เพื่องานโฆษณาเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการเจรจาสัญญา ทำให้เขาได้รับค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน และหุ้นอีกจำนวนหนึ่ง

จนกระทั่งปี 2014 บริษัทได้ถูกยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ซื้อกิจการไปในราคา 93,000 ล้านบาท โดยหุ้นของเจมส์คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท และธุรกิจต่อมาของเขาคือ สโมสรฟุตบอล ปี 2011 บริษัท Fenway Sports Group หรือ FSG ได้เข้าเทกโอเวอร์ ลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศอังกฤษ

ซึ่งเจมส์ที่เคยทำงานอื่น ๆ กับ FSG มาอยู่ก่อนแล้ว ต้องการมีส่วนร่วมในดีลนี้ด้วย โดยตกลงให้บริษัทนำชื่อเขาไปใช้โปรโมตเกี่ยวกับลิเวอร์พูลได้ เพื่อแลกกับหุ้น 2% ของสโมสร มูลค่า 200 ล้านบาท จึงทำให้ ราชาบาสเกตบอล กลายเป็นเจ้าของลิเวอร์พูล แบบไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว
แถมที่ผ่านมาลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในช่วงที่ประสบความสําเร็จสูงสุด คว้าแชมป์รายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 และแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก ทำให้สโมสรมีมูลค่าอยู่ที่ 66,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า จากตอนที่ FSG ซื้อกิจการ
เลบรอน เจมส์

นอกวงการกีฬายังลงทุนภาคธุรกิจ รับเงินรวมหมื่นล้าน

นักบาสเก็ตบอลที่ทำคะแนนสูงสุดตลอดกาลของลีกเอ็นบีเอ ซื้อหุ้นสตาร์ตอัปชื่อว่า Blaze Pizza ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านขายพิซซา ที่ลูกค้าสามารถออกแบบวัตถุดิบบนหน้าพิซซาได้เอง และร้านจะอบให้เสร็จภายในเวลาเพียง 3 นาที

ด้วยไอเดียความแปลกใหม่ ทำให้ร้าน Blaze Pizza เติบโตรวดเร็วมาก ล่าสุดขยายสาขาไปกว่า 300 แห่ง โดยหุ้นที่เจมส์ถืออยู่มีมูลค่าประมาณ 1,200 ล้านบาท รวมทั้งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์เองอีกถึง 21 แห่ง

และอีกธุรกิจที่กำลังมาแรง คือ สื่อบันเทิง มีหลายคนมองว่า การที่เจมส์ย้ายไปอยู่กับทีมลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส เมืองที่มีสถานที่สำคัญอย่างฮอลลีวูด เป็นเหตุผลทางธุรกิจเสียมากกว่าด้านกีฬา เพราะก่อนหน้าที่เขาจะย้ายไป เขาได้ก่อตั้งบริษัท Springhill สตูดิโอผลิตรายการทีวีและภาพยนตร์ รวมไปถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อว่า Uninterrupted ที่นำเอาเรื่องราวของนักกีฬามาทำเป็นคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ

โดยกิจการทั้งหมดเพิ่งได้รับเงินระดมทุนไปถึง 3,100 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องสำคัญของสตูดิโอ คือ Space Jam ภาค 2 ที่มีกำหนดฉายในปี 2021 และตัวเจมส์จะมารับบทเป็นนักแสดงนำด้วย หลังจากที่ ไมเคิล จอร์แดน เคยฝากผลงานเอาไว้ในภาคแรก

สรุปได้ว่า เลอบรอน เจมส์ มีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ประมาณ 14,000 ล้านบาท ด้วยการลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าในอนาคต เขาจะร่ำรวยเพิ่มขึ้นอีก

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> นักเตะชาวบราซิลที่มีชื่อเสียงระดับโลก