เบสบอล กีฬาประจำชาติของชาวอเมริกัน ทำไมเจอวิกฤตความนิยมตกต่ำ?

เบสบอล คือกีฬาที่ได้รับความนิยมหลายประเทศ แต่ทำไมในวันนี้ความนิยมกลับลดลง?

เบสบอล เรียกได้ว่าเป็น กีฬาที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และเป็น หนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน สหรัฐอเมริกา อันเป็นต้นกำเนิดของเกมการแข่งขันรูปแบบนี้ จนทำให้ช่วงเวลาหนึ่งเบสบอลถือได้ว่าเป็นกีฬาประจำชาติของชาวอเมริกัน

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความนิยมของเบสบอลกลับลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นตำแหน่งกีฬาเบอร์ 1 ในอเมริกาอีกแล้ว แถมกระแสยังตกต่ำลงมาใกล้เคียงกับ ฟุตบอล หรือ กีฬาที่ชาวอเมริกันเรียกว่า ซอกเกอร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ากีฬาฟุตบอลซอกเกอร์ไม่ได้เป็นที่นิยมในอเมริกาเท่าไหร่นัก จากที่เคยเป็นกีฬาของคนทั้งชาติ ทำไมเบสบอลถึงเจอวิกฤตความนิยมตกต่ำอย่างหนัก ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบพร้อมกัน

หากจะหาเหตุผลที่ทำให้เบสบอลเคยเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมหาศาลในยุคอดีต บอกเลยว่าไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะว่านี่คือกีฬาแรก ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นในสังคมอเมริกันตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการแข่งขันในฐานะกีฬาที่มีกฎกติกาอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 1845 ซึ่งเกิดก่อนกีฬาชื่อดังที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน ทั้ง ฟุตบอล, บาสเกตบอล, อเมริกันฟุตบอล และอีกหลากหลายกีฬา

ดังนั้นเมื่อมีมาก่อน โอกาสสร้างความนิยมก็ย่อมได้ก่อน ในยุคที่กีฬาอื่นยังไม่ได้สร้างการแข่งขันให้เป็นรูปเป็นร่าง เบสบอลมีกฎกติกาที่ชัดเจน ทำให้ผู้เล่นเข้าใจได้เร็ว เมื่อกฎไม่มีปัญหา ความสนุกจึงเริ่มต้นขึ้น ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเบสบอลก็กลายเป็นกีฬาซึ่งเป็นที่รู้จักในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา

และได้มีการตั้งลีกอาชีพขึ้นในปี 1871 อย่าง National Association of Professional Base Ball Players หรือชื่อ Major League Baseball ในปัจจุบัน ทำให้ความนิยมของเบสบอลเพิ่งขึ้นเป็นหลายเท่าตัว จนกลายเป็นกีฬาแรกที่มีการเริ่มต้นระบบสร้างนักกีฬาผ่านมหาวิทยาลัย เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพที่เกิดขึ้นเป็นปกติในสังคมอเมริกันปัจจุบัน

ด้วยความที่กีฬานี้เกิดขึ้นมาก่อนใครเพื่อน จึงถูกเรียกว่า “กีฬาประจำชาติ” ของชาวอเมริกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19  และแม้จะเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 20 ความนิยมของเบสบอลก็ไม่ได้ตกลงและมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังมีการขยายฐานแฟนของกีฬานี้ไปยังรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมาพร้อมกับการเกิดของทีมเบสบอลมากมาย รวมถึงการเกิดลีกอาชีพในหลายระดับ

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันยังได้พาเบสบอลไปขยายอิทธิพลในหลายประเทศที่พวกเขามีอำนาจอยู่ เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลี (ที่ยุคนั้นยังไม่แยกประเทศ) จนทำให้เบสบอลกลายเป็นกีฬายอดนิยมของชาติแทนที่จะเป็นฟุตบอลเหมือนกับประเทศอื่น ๆ เพราะอิทธิพลของอเมริกาที่โปรโมตเบสบอลให้กับชาติเหล่านี้ ด้วยความภูมิใจในฐานะกีฬาอันดับหนึ่งของสหรัฐอเมริกา

ต้นศตวรรษที่ 20 คือยุคทองของ กีฬาเบสบอล แม้ยุคนั้นกีฬาไม่ได้เป็นธุรกิจเต็มตัวแบบในปัจจุบัน แต่เบสบอลในเวลานั้นก็สามารถเปลี่ยนกีฬาเป็นธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ มีเม็ดเงินมหาศาลไหลเวียนเข้ามา นักลงทุนได้กำไรมากมายจากการทำทีมเบสบอล รวมถึงนักกีฬาที่ได้ขึ้นเงินเดือนมาก ตามความนิยมของลีก

แต่อะไรที่เติบโตเร็วเกินไปไม่เคยเป็นเรื่องดี หากไม่สามารถรับมือและปรับตัวกับการเติบโตที่รวดเร็วได้ทัน กราฟที่วิ่งพุ่งสูงขึ้นเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดก็อาจดิ่งลงเหวได้

เบสบอล

ปัญหาที่ทำให้ เบสบอล หนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศ เกิดความความนิยมลดลง

เงินถือเป็นปัญหาโดยเฉพาะในสังคมที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ ในยุค 1910s ที่ Major League Baseball คือลีกกีฬาอาชีพที่โด่งดังเพียงหนึ่งเดียวในช่วงเวลานั้น เงินจำนวนมากพุ่งเข้าหาลีก ทำให้มีแต่คนอยากจะโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าเหล่าเจ้าของทีมก็อยากจะได้กำไรมากที่สุดจากการทำทีมเบสบอล

แต่ไม่ใช่พวกเขาแค่กลุ่มเดียวที่อยากได้เงินก้อนโต เพราะกลุ่มผู้เล่นก็เป็นส่วนสำคัญที่เชื่อว่าพวกเขาควรได้รับรายได้มหาศาลในเมื่อพวกเขาเป็นตัวจริงเสียงจริงที่ทำให้เกมกีฬานี้โด่งดังไปทั่วประเทศ แม้ว่า นักกีฬาเบสบอล จะได้เพิ่มค่าเหนื่อยขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันไม่เคยพอในระดับที่ผู้เล่นต้องการ เพราะพวกเขารู้ดีว่า มีเงินมหาศาลที่เข้าสู่ธุรกิจนี้

และพวกเขาก็ควรได้ส่วนแบ่งในเปอร์เซ็นต์ที่ชัดเจนและเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการประท้วงเรื่องค่าจ้างระหว่างผู้เล่นกับต้นสังกัด ผู้เล่นประท้วงไม่ยอมลงสนาม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนแทบเป็นปกติ ซึ่งกลายเป็นสัญญาณแรกที่แสดงถึงความไม่มั่นคงของ กีฬาเบสบอล ในสหรัฐอเมริกา

แม้ว่าเรื่องวงในของ กีฬาเบสบอล จะเต็มไปด้วยปัญหา กีฬานี้ก็ยังเดินหน้าไปเหมือนไม่มีอะไรติดขัด เพราะยังคงได้ใจชาวสหรัฐอเมริกา เนื่องจากคนในยุคนั้นทุกคนโตมาพร้อมกับกีฬาเพียงกีฬาเดียวนั่นคือ เบสบอล และถึงจะมีปัญหาบ้างแต่ทุกคนก็อยากตีตั๋วเข้าสนามไปชมเกมเบสบอลอยู่ดี หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องได้เปิดวิทยุฟังรายงานการแข่งขันแบบสด ๆ

เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของโลก อย่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 บสบอลยิ่งแสดงตัวตนของการเป็นกีฬาแห่งสหรัฐอเมริกา เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตให้ MLB ดำเนินการแข่งขันต่อไปและห้ามหยุดลีกเด็ดขาด แม้ว่านักกีฬาตัวเก่งหลายคนจะต้องไปรบรับใช้ชาติ เพราะรัฐบาลต้องการให้เบสบอลเป็นกิจกรรมที่มอบความสุขให้กับคนในชาติ

Major League Baseball

เบสบอลคือกีฬาแห่งธุรกิจ เมื่อผลประโยชน์ได้ไม่ลงตัว เกมก็ไม่เดิน

ส่วนปัญหาที่อยู่หลังฉากไม่เคยหายไปไหน ด้วยความที่เบสบอลกลายเป็นธุรกิจเร็วเกินไป ปัญหาหลาย ๆ อย่างจึงไม่ได้มีการจัดการอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะปัญหาการแบ่งรายได้ระหว่างผู้เล่นและทีมเบสบอล ไหนจะเสียงบนของแฟนรุ่นใหม่ที่มองว่าเบสบอลคือกีฬาแห่งธุรกิจ ที่สนใจแต่การหารายได้มากกว่าการสร้างเกมการแข่งขันที่มีคุณภาพ

สำหรับคนรุ่นหลังที่เกิดหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เบสบอล ไม่ได้เป็นกีฬาสุดโรแมนติกเหมือนมุมมองของคนรุ่นพ่อแม่อีกต่อไป แต่เป็นกีฬาที่ออกไปทางน่าเบื่อที่มีแต่ข่าววุ่นวายเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่มีวันจบ แถมยังเป็น กีฬาที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

และด้วยความที่ยุคสมัยที่ผ่านไป เบสบอลไม่ได้เป็นกีฬาอาชีพที่โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวอีกแล้ว เพราะ อเมริกันฟุตบอล ได้สร้างตัวขึ้นมาจนกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เป็นเกมกีฬาที่ดุดัน เร้าใจ เหมาะกับคนวัยหนุ่ม แถมยังมี บาสเกตบอล ที่สร้างชื่อขึ้นมาได้ดีในฐานะ กีฬานอกกระแส อีกด้วย

สิ่งที่ทำให้ MLB มีภาพลักษณ์ที่แย่ถึงขีดสุด คือการประท้วงของผู้เล่นอย่างเป็นทางการ ประกาศว่าพวกเขาจะไม่ยอมกลับมาเล่นให้ เบสบอลลีกใหญ่ อีกเป็นอันขาด ยกเว้นว่าพวกเขาจะได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น ผลกระทบจากการล็อกเอาต์ในครั้งนั้นที่เกิดขึ้นเพียงแค่ 13 วัน ทำให้เกมการแข่งขันถึง 86 เกมในฤดูกาล 1972 ถูกยกเลิก

แถมในปีนั้นแต่ละทีมยังมีการแข่งขันไม่เท่ากันอีกด้วย เพราะไม่สามารถจัดตารางการแข่งขันให้ลงตัวได้ หากคุณคิดว่านั่นคือเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดในลีกอาชีพแล้ว แต่ยังมีเหตุการณ์ที่แย่กว่าเกิดขึ้นในปี 1973 คือการล็อกเอาต์ครั้งแรกของลีก ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้เล่นที่ประกาศจะไม่ยอมกลับมาแข่งขันในฤดูกาลนี้เป็นอันขาด ยกเว้นว่าจะได้รับค่าจ้างตามที่พวกเขาต้องการ

ผู้เล่นไม่ยอมกลับมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมเป็นเวลาหลายเดือน โชคดีที่ทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ระหว่างสมาคมผู้เล่น กับแฟรนไชส์ใน MLB ด้วยข้อกำหนดเรื่องค่าเหนื่อยเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่เมื่อสัญญาฉบับนี้จบลง ในปี 1976 ก็เกิดการล็อกเอาต์อีกครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาอันไม่มีที่สิ้นสุด ปัญหานี้ทำให้ กีฬาเบสบอล กลายเป็นกีฬาที่น่ารำคาญสำหรับแฟนกีฬา

แทนที่แฟน ๆ จะได้ตื่นเต้นกับการแข่งขันในฤดูกาลใหม่ก็ต้องมานั่งลุ้น ว่าฤดูกาลนี้ จะได้แข่งขันหรือไม่แข่งขัน เพราะในปี 1994 ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าผู้เล่นกับฝ่ายทีมตกลงผลประโยชน์ได้ไม่ลงตัวก็เกิดการยกเลิกการแข่งขันและไม่กลับมาแข่งเลยแม้แต่เกมเดียวได้เหมือนกัน

นี่คือเรื่องน่าเบื่อของแฟนยุคหลัง ๆ และพวกเขาไม่ได้มีทางเลือกแค่เบสบอลเหมือนในอดีตแล้ว ปัจจุบันมีทั้ง NHL, NFL และ NBA ซึ่งก็เป็นลีกกีฬาที่สนุกไม่แพ้กัน

แม้กระทั่งในปี 2022 เบสบอลลีกใหญ่ ยังคงมีการล็อกเอาต์เกิดขึ้น เนื่องจากไม่สามารถหาผลประโยชน์ที่ลงตัวได้ระหว่างทีมกับผู้เล่น จนลีกต้องยุติการทำงานเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในลีกอื่น ๆ ของสหรัฐอเมริกามานานหลายปีแล้ว

เบสบอลจึงกลายเป็นกีฬาที่เหมือนย่ำอยู่กับที่ กีฬาที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่มีการพัฒนาปรับตัวหรือเดินหน้าไปไหน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแฟนรุ่นใหม่จะเบื่อดราม่าและหันไปดูกีฬาอื่นที่สามารถสนุกไปกับเกมการแข่งขันได้อย่างเต็มที่

เบสบอล

เวลายิ่งเดินความนิยมยิ่งตก ลักษณะของเกม ดูน่าเบื่อสำหรับสายตาคนรุ่นใหม่

ไม่ใช่แค่ปัญหาวุ่นวายในวงการ กีฬาเบสบอล เพียงอย่างเดียวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สนใจกีฬานี้ กลายเป็น กีฬาที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ด้วยลักษณะของเกมการแข่งขันก็ทำให้คนรุ่นใหม่มองว่าเบสบอลเป็นกีฬาที่น่าเบื่อ

เพราะกีฬานี้ต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย แถมไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีการทำแต้มตอนไหน อาจเป็น 3 ชั่วโมงที่ไม่มีการทำคะแนนแม้แต่แต้มเดียวก็ได้ ทำให้คนสมัยใหม่ที่ชื่นชอบอะไรที่รวดเร็ว สั้น และกระชับมากขึ้น ตามการเสพย์คอนเทนต์ของโลกยุคอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วว่องไว

ก็ทำให้เบสบอลกลายเป็นกีฬาที่ช้าและน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน ต่างจากคนยุคก่อนที่มองเบสบอลเป็นกีฬาดูเพลิน ๆ สบาย ๆ ที่ใช้เวลานั่งดูการแข่งขันแบบชิล ๆ เหมือนเช่นในอดีต ไม่เพียงเท่านั้นเกมเบสบอลในยุคหลังก็พัฒนารูปแบบเกมรับได้ดีขึ้นอย่างน่าใจหาย การทำแต้มเกิดขึ้นได้ยากกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

อธิบายให้เห็นภาพคือนักเบสบอลในยุคปัจจุบันมีโอกาสที่จะลงสนามและไม่สามารถตีลูกเพื่อวิ่งเข้าเบสหรือช่วยให้เพื่อนวิ่งเข้าเบส ซึ่งเป็นวิธีของการทำแต้มใน กีฬาเบสบอล มากกว่าโอกาสตีลูกและวิ่งเข้าเบสถึง 2 เท่า หรือสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ คือ นักเบสบอลมีโอกาสเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่จะลงไปเล่นในสนามแล้วสร้างประโยชน์ให้กับเกมบุกของทีม

นอกจากนี้โอกาสในการโดนสไตรค์เอาต์ หรือการเอาผู้เล่นออกจากสนามโดยที่ไม่ได้วิ่งเข้าเบสกลับเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่โอกาสที่ผู้เล่นจะตีลูกและวิ่งเข้าเบสสำเร็จกลับมีตัวเลขทางสถิติแน่นิ่งมาเกือบ 20 ปี

นั่นหมายความว่า ยิ่งเวลาผ่านไปเกมเบสบอลก็ยิ่งพัฒนาเกมรับ ในขณะที่เกมรุกตามไม่ทัน โอกาสที่จะทำแต้มกันก็น้อยลงเรื่อย ๆ ถึงมันจะกลายเป็นเสน่ห์ในอีกรูปแบบหนึ่งแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนกีฬาจำนวนไม่น้อยอยากดูเกมที่ทำแต้มเยอะ ๆ สนุกตื่นเต้นเร้าใจ มากกว่ากีฬาที่ต้องเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะได้มาสักแต้ม

ด้วยเหตุนี้จึงมีการเปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาหันไปนิยมกีฬาที่ทำแต้มกันได้เยอะ ๆ เช่นอเมริกันฟุตบอล หรือบาสเกตบอล ขณะที่ฟุตบอลถึงจะไม่ได้ทำแต้มเยอะ แต่รูปเกมในสนามก็รวดเร็วว่องไวแตกต่างจากเบสบอลที่เชื่องช้าเป็นอย่างมากกว่าจะตีลูกได้สักครั้ง

เบสบอล

ยุคสมัยเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่มีทางเลือกชมกีฬาชนิดอื่นที่สนุกเร้าใจกว่า

นอกจากนี้เบสบอลMLBยังแข่งกันในฤดูกาลหนึ่งมากถึง 162 เกม ถือว่าเยอะมาก ๆ สำหรับลีกกีฬาอาชีพ และด้วยโปรแกรมที่เยอะมหาศาล ทำให้หลายคนไม่สามารถติดตามการแข่งขันได้อย่างจริงจัง เพราะคงมีไม่กี่คนที่จะว่างพอดูเบสบอล 162 เกมไม่รวมรอบเพลย์ออฟต่อฤดูกาล และเมื่อไม่สามารถติดตามเกาะติดทุกเกมได้แบบแฟนพันธ์ุแท้ ก็ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ดูเบสบอล

เพราะรู้สึกว่าติดตามการแข่งขันได้ยากเกินไป เบสบอลจึงกลายเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ หรือจะเรียกว่า กีฬาตกยุค ก็ว่าได้ ไม่ใช่ว่ากีฬาชนิดนี้แย่หรือไม่สนุก แต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเบสบอลกลายเป็น กีฬาที่ไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเมื่อเอาชนะใจคนหนุ่มสาวไม่ได้โอกาสเติบโตในระยะยาวของกีฬาชนิดนี้ก็น้อยลงไปด้วย

จากผลสำรวจล่าสุดในปี 2021 คนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 30 ปีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในสหรัฐอเมริกา เลือกเบสบอลเป็น กีฬาในดวงใจ ขณะที่อเมริกันฟุตบอลได้รับความนิยมสูงถึง 24 เปอร์เซ็นต์ และบาสเกตบอลอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์

แต่ที่น่าหวั่นใจที่สุดสำหรับ วงการเบสบอล คือมีแฟนกีฬาคนหนุ่มสาวเลือก ฟุตบอล หรือ ซอคเกอร์ของชาวอเมริกัน เป็นกีฬาในดวงใจถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เกือบจะแซงหน้าเบสบอลได้แล้ว ทั้งที่ย้อนไปสัก 10-20 ปีก่อนหน้านี้ ความนิยมของทั้งสองกีฬานี้ต่างกันมาก

จากการคาดการณ์ ในอนาคตอันใกล้ คนรุ่นใหม่ในอเมริกามีแนวโน้วที่จะชอบฟุตบอลมากกว่าเบสบอล ซึ่งคงไม่มีใครคาดคิดว่า กีฬาที่เพิ่งเจาะอเมริกาและมีลีกอาชีพอย่างจริงจังได้ไม่กี่สิบปีแบบฟุตบอลกำลังจะเอาชนะกีฬาอาชีพเก่าแก่ของอเมริกาลงได้

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ดูซีรี่ย์

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> นักเตะทีมชาติไทยที่น่าจับตามองหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุด