“แพทริก มาโฮมส์” จอมทัพร้อยกระบวนท่าผู้พาทีมคว้าแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล2023

แพทริก มาโฮมส์

แพทริก มาโฮมส์ ตำนานบทใหม่ของNFL ผู้พาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์สองสมัย

แพทริก มาโฮมส์ จอมทัพร้อยกระบวนท่าผู้พาทีมคว้าแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล2023 เป็นเรื่องปกติของวงการกีฬาที่จะมีใครคนหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งคน ก้าวขึ้นมาสร้างปรากฎการณ์ ครองความยิ่งใหญ่ และพวกเขาเหล่านั้นที่ได้ทำผลงานยอดเยี่ยม ก็จะถูกยกย่องให้เป็นตำนานหลังจากเลิกเล่นไป

ตัวอย่างเช่น วงการฟุตบอลก็จะมีคนที่ถูกกล่าวว่าเป็นตำนานอย่าง เปเล่ มาราโดน่า เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อย่าง เมสซี่-โรนัลโด ที่กำลังจะส่งไม้ต่อให้เด็กรุ่นใหม่ต่อไป สำหรับอเมริกันฟุตบอล ศึกคนชนคนของชนชาติอเมริกา ควอเตอร์แบ็กจัดว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในเกมรุก เพราะตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนจอมทัพที่จะต้องควบคุมทิศทางของเกม

ยิ่งถ้าหากมีจอมทัพฝีมือดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ทีมนั้นประสบความสำเร็จได้มากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ดังนั้น ชื่อของผู้เล่นที่จะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในแต่ละยุคของกีฬาชนิดนี้ จึงมักมาจากตำแหน่งนี้ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่อดีตควอเตอร์แบ็กอย่าง เทอร์รี่ แบรดชอว์, โจ มอนทาน่า, ทรอย เอ็กแมน, จอห์น เอลเวย์ เรื่อยมาจนถึง ทอม เบรดี้ ล้วนแต่เป็นตำนานที่ขึ้นครองยุคสมัยในช่วงยิ่งใหญ่ของตัวเอง

ยกเว้นแต่เพียงคนหลังสุดที่ยืดระยะยาวนานถึง 20 ปี แต่ตอนนี้ ตำนานบทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น และรอวันขึ้นมาแทนที่พร้อมกับเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ลงไปทดแทน แพทริก มาโฮมส์ คือชื่อของควอเตอร์แบ็กคนนั้น ที่พร้อมเขียนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ แล้วทำไมเราถึงมั่นใจว่าเขาจะเป็นตำนานคนต่อไป ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขากัน

ประวัติ “แพทริก มาโฮมส์” จอมทัพร้อยกระบวนท่า ซูเปอร์สตาร์อเมริกันฟุตบอล “ทีมหัวหน้าเผ่า” 

แพทริก มาโฮมส์ เกิดมาพร้อมสายเลือดนักกีฬาอย่างแท้จริง เขาคือลูกชายคนโตของ แพทริก มาโฮมส์ ซีเนียร์ อดีตพิชเชอร์ของทีมเบสบอลระดับเมเจอร์ลีก ที่ลงเล่นยาวนานกว่า 11 ปี ด้วยความที่เป็นลูกชายของ นักกีฬาอาชีพ ประกอบกับความเป็นเด็กเท็กซัส จึงไม่แปลกที่มาโฮมส์จะชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ เขามีแขนที่ทรงพลังและทักษะที่ยอดเยี่ยม ซึ่งอาจมาจากยีนของพ่อเขาด้วยเช่นกัน

แพทริก มาโฮมส์

ในสมัยเรียนระดับไฮสคูล มาโฮมส์เล่นกีฬาหลายประเภท ในเกม อเมริกันฟุตบอล ของโรงเรียน เขาเล่นเป็นควอเตอร์แบ็กที่ทำสถิติได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการกขว้างทั้งหมด 4,619หลา, 50 ทัชดาวน์, วิ่งทำระยะรวม 948 หลากับ 15 ทัชดาวน์ในปีสุดท้าย ส่วนเบสบอลเขาเล่นเป็นพิชเชอร์ที่เคยทำสถิติโนฮิต 16 สไตร์คเอาต์ในเกมเดียว ขณะที่บาสเกตบอลก็เป็นผู้เล่นระดับค่าเฉลี่ย 19.9 แต้มต่อเกม

แพทริก มาโฮมส์

และเคยชู้ตไกล 50 ฟุตลงห่วงในวินาทีสุดท้ายมาแล้ว ไม่ว่าเขาจะเลือกเล่นกีฬาชนิดไหนอย่างจริงจัง ก็ดูเหมือนว่าอนาคตที่สดใสเปิดรอเขาอยู่แล้ว และหลังจากนั้นการตัดสินใจครั้งสำคัญก็มาถึงเมื่อ มาโฮมส์พบว่า เขาฉายแสงกับ อเมริกันฟุตบอลและเบสบอลมากที่สุด ทำให้เขาได้รับจดหมายจากมหาลัย เข้าเรียนต่อที่ ม.เท็กซัส เทค ซึ่งเจ้าตัวใช้เวลา 2 จาก 3 ปี เล่นทั้งอเมริกันฟุตบอล และเบสบอล

Patrick Mahomes

ก่อนจะเลือกไม่เรียนต่อในปีสุดท้ายเพื่อเข้าพิธีดราฟต์ของ NFL ในปี 2017 ที่จริงแล้วในปี 2014 หลังจากที่มาโฮมส์เลือกเข้าเรียนที่ ม.เท็กซัส เขาได้รับการคาดหมายว่าจะถูกเลือกในพิธีดราฟต์ของเมเจอร์ลีกเบสบอลหรือ MLB และเป็นทีม ดีทรอยต์ ไทเกอร์ส ที่ใช้สิทธิ์เลือกเขาในรอบที่ 37 แต่ไม่มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นเพราะหัวใจของมาโฮมส์มีจุดหมายแล้ว นั่นก็คือ NFL

อย่างไรก็ตามในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มาโฮมส์เคยคิดจะเอาดีแค่เบสบอลเช่นกัน เนื่องจากกังวลกับปัญหาบาดเจ็บในอเมริกันฟุตบอล ที่มักจะเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะเป็นเกมที่รุนแรง มีโอกาสการปะทะกันตลอดการแข่งขัน หากเขาได้รับบาดเจ็บต่อร่างกาย หรือต้องเจอกับปัญหาสุขภาพบ่อยเข้า อาจทำให้อาชีพนี้ไปไม่ไกลเท่าที่ควร แต่แรนดี้แม่ของ จอมทัพร้อยกระบวนท่าผู้พาทีมคว้าแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล2023 ก็กล่อมเขา จนเจ้าตัวยอมสู้ต่อไป

แต่มันคงไม่เกิดขึ้น หากเขาไม่ได้รักกีฬาชนิดนี้เป็นทุนเดิม การเลือกเอ็นเอฟแอล แทนที่จะเป็นเอ็มแอลบีตามอย่างคุณพ่อนั้น มาโฮมส์ ซีเนียร์ เปิดเผยว่า เขาคาดหวังว่าลูกชายจะเลือกเบสบอลแต่ก็ไม่แปลกใจที่มันไม่เป็นไปตามนั้นเพราะเจ้าตัวตกหลุมอเมริกันฟุตบอล โดยให้เหตุผลว่า เพราะ แพทริกเล่นเบสบอลมานานจนรู้ทะลุปรุโปร่ง ผิดกับอเมริกันฟุตบอล ที่ยังมีอะไรหลายอย่างให้เรียนรู้

แคนซัส ซีตี้ ชีฟส์ กับการเทรดสิทธิ์ดราฟต์เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ทีม

ด้วยผลงานที่มาโฮมส์ทำไว้ในสมัยมหาวิทยาลัย ด้วยสถิติขว้างทำระยะรวม 11,252หลา, 93 ทัชดาวน์ เสีย 29 อินเตอร์เซ็ปต์จากการลงเล่น 32 เกม จึงไม่แปลกอะไรที่มาโฮมส์จะได้รับการจับตามองในการดราฟต์ปี 2017 และชื่อเสียงรวมทั้งความสามารถของเขา ก็ยิ่งขึ้นชื่อลือชามากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากผ่านการเดินทางไปโชว์ฝีมือและรับการสัมภาษณ์จากแต่ละทีมในเอ็นเอฟแอล

โดยเอเยนต์ของเจ้าตัวเปิดเผยว่า มาโฮมส์ต้องตะลอนไปทั่วประเทศ เนื่องจากได้รับการนัดหมายถึง 19 ทีมเลยทีเดียว แต่มีอยู่หนึ่งทีมที่จับตามองเด็กหนุ่มจากเท็กซัสอย่างจริงจัง นั่นก็คือ แคนซัส ซีตี้ ชีฟส์ ที่มี แอนดี้ รีด เป็นเฮดโค้ช ซึ่งต้องขอบคุณ เบรตต์ วีช ผู้จัดการทั่วไปที่พยายามเป่าหูรีดอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน ว่ามาโฮมส์คือผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น

“ตอนแรกผมรู้สึกว่าวีชพูดจาเกินจริง เพราะเขาเคยเจอผู้เล่นมาไม่กี่คนเท่านั้น แต่เขาก็พยายามเอาเทปการเล่นของมาโฮมส์มาวางบนโต๊ะผมอยู่เรื่อย และเมื่อได้เปิดดูแล้วผมก็คิดเหมือนเขาเช่นกัน”

หลังจากผ่านการทดสอบฝีมือและสัมภาษณ์ ชีฟส์ก็ยิ่งรู้สึกว่ามาโฮมส์นี่แหละที่จะเป็นผู้นำทีมในอนาคต ต่อจาก อเล็กซ์ สมิธ ที่เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพแล้ว แต่ปัญหาคือพวกเขาได้สิทธิ์ดราฟต์รอบแรกอันดับที่ 27 ดังนั้นหากไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง คงโดนทีมอื่นตัดหน้าคว้ามาโฮมส์ไปแน่ ๆ เพราะเหตุนั้นชีฟส์จึงนำสิทธิ์ดราฟต์รอบแรก และรอบที่สาม รวมทั้งสิทธิ์ดราฟต์รอบแรกปี 2018 ไปเทรดกับสิทธิ์ดราฟต์อันดับ 10 ของ บัฟฟาโล่ บิลล์ส

แพทริก มาโฮมส์

ส่งผลให้ชีฟส์ได้มาโฮมส์สมใจ พวกเขาตกลงเซ็นสัญญากับมาโฮมส์แบบการันตีรายได้ 4 ปี 16.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บวกกับค่าเซ็นสัญญาอีก 10.08 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลแรก มาโฮมส์ต้องนั่งเป็นตัวสำรองต่อจาก อเล็กซ์ สมิธ จอมทัพระดับโปรโบวล์ ซึ่งสำหรับรุกกี้บางคนอาจจะร้อนใจอยากพิสูจน์ฝีมือกับของจริงให้เร็วที่สุด

แต่กับมาโฮมส์เขาใช้โอกาสนี้ศึกษาการเล่นจากจอมทัพรุ่นพี่อย่างเต็มที่ และในสัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล 2017 มาโฮมส์ก็ได้ทำหน้าที่เป็นตัวจริง เนื่องจากชีฟส์คว้าสิทธิ์เพลย์ออฟเรียบร้อยแล้ว และเจ้าตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อช่วยนำทีมชนะ เดนเวอร์ บรองโก้ส์ 27-24 คะแนน ขว้างสำเร็จ 22 จาก 35 ครั้ง ทำระยะรวม 284หลา เสีย 1 อินเตอร์เซ็ปต์

ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เกมเดียว แต่ แอนดี้ รีด ก็รู้แล้วว่า มาโฮมส์ พร้อมแล้วสำหรับก้าวต่อไปในอาชีพ

รุกกี้หน้าใหม่ จอมทัพร้อยกระบวนท่า สู่รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแห่งปี (MVP)

ฤดูกาล 2018 ชีฟส์ เทรด อเล็กซ์ สมิธ ไปให้ วอชิงตัน เร้ดสกินส์ นั่นหมายถึงการยกระดับให้มาโฮมส์ขึ้นมานำทีมอย่างเต็มตัว แต่ในช่วงเทรนนิ่งแคมป์ หลายฝ่ายเริ่มกังวลกับปัญหาโดนอินเตอร์เซ็ปต์ของมาโฮมส์ และเขาก็รู้ว่าปัญหามีไว้เพื่อแก้ไข พอเริ่มฤดูกาลปกติ เรื่องโดนอินเตอร์เซ็ปต์ไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคยอีกต่อไป ใน 3 เกมแรก มาโฮมส์ขว้างไปเกือบ 900หลา 13ทัชดาวน์ ไม่เสียอินเตอร์เซ็ปต์แม้แต่ครั้งเดียว จอมทัพร้อยกระบวนท่าผู้พาทีมคว้าแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล2023 พาทีมชนะรวด

The 9 Teams That Passed on Patrick Mahomes in the 2017 NFL Draft

และแพ้แค่เกมเดียวจาก 10 นัดแรก โดยที่ จอมทัพร้อยกระบวนท่า ปาไปถึง 31 ทัชดาวน์ เสียอินเตอร์เซ็ปต์เพียง 6 ครั้งเท่านั้นและในฤดูกาลที่ได้เล่นแบบเต็ม ๆ นี้เอง มาโฮมส์ ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ อเมริกันฟุตบอล จากลูกเล่นที่หลากหลายแต่ทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการม้วนหลบทีมรับก่อนขว้างลูกพุ่งเป็นจรวดระยะ 20 หลาเข้าเอนด์โซน, ใช้มือซ้ายขว้างเข้าเป้า,

ขว้างให้เพื่อนแบบไม่มอง (โนลุคพาส), ขว้างโดยเหวี่ยงแขนจากด้านข้าง (ไซด์อาร์ม) หรือการบอมบ์ยาวหลายต่อหลายครั้ง ลูกพลิกแพลงเหล่านี้ มาโฮมส์ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกฟลุก เพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าสักวันต้องได้ใช้งาน จึงซ้อมขว้างทุกรูปแบบ ซึ่ง แอนดี้ รีด ก็ยืนยันอีกเสียงว่า มาโฮมส์ทำแบบนี้ได้ตั้งแต่สมัยเล่นระดับมหาวิทยาลัย จอมทัพร้อยกระบวนท่า ทำอยู่เสมอในตอนซ้อม แต่ที่น่าสนใจคือเขานำมาใช้ในการแข่งขันจริงได้เแบบธรรมชาติ

อาวุธเด็ดของเขาอีกอย่างคือวิสัยทัศน์ เขามีความทรวตำแบบภาพถ่าย ทำให้รับรู้ทุกพื้นที่ของสนามว่าใครอยู่ตรงไหน อย่างไร ทำให้เวลาขว้างบอล สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม ชีฟส์จบฤดูกาลนั้นด้วยสถิติชนะ 12 แพ้ 4 เป็นอันดับ 1 ของสาย เอเอฟซี ขณะที่ มาโฮมส์ ขว้างทำระยะรวมมากกว่า 5,000 หลากับ 50 ทัชดาวน์ เสีย 12 อินเตอร์เซ็ปต์

ทำให้ได้รับเลือกเป็น ผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP ประจำฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จอมทัพร้อยกระบวนท่าผู้พาทีมคว้าแชมป์ซุปเปอร์โบว์ล2023 พาทีมไปได้ถึงแค่รอบชิงแชมป์สาย หลังจากพ่ายต่อ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ที่มี ทอม เบรดี้ นำทัพ ซึ่งก้าวไปเป็นแชมป์ในภายหลัง

สถานกการณ์สร้างวีรบุรุษให้กลายเป็นตำนาน

หลังจบเกมรอบชิงแชมป์สาย AFC จอมทัพร้อยกระบวนท่า ได้รับคำแนะนำที่ดีมาจากเบรดี้ นั่นก็คือการพัฒนาตัวเองต่อไป และจงเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมาโฮมส์จำคำนั้นไว้ขึ้นใจ ในฤดูกาลต่อมา ถึงแม้ว่าผลงานของมาโฮมส์จะไม่ได้เปรี้ยงปร้างเท่าฤดูกาลก่อน แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของเขาไม่ใช่เรื่องผลงานส่วนตัว แต่เป็นภาพรวมที่ใหญ่กว่านั้น ชีฟส์เข้ารอบเพลย์ออฟตามคาด ด้วยสถิติชนะ 12 แพ้ 4 เป็นอันดับ 2 ของสายเอเอฟซี

ซึ่งเมื่อถึงช่วงโพสต์ซีซันมาโฮมส์ก็ปล่อยของออกมาอย่างเต็มที่ ใน 2 เกมแรกของรอบเพลย์ออฟ มาโฮมส์ช่วยชีฟส์คัมแบ็กจากการตามหลังด้วยเลข 2 หลัก ทั้ง 2 เกม ด้วยการเล่นที่ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบ คือขว้างสำเร็จ 65% ทำระยะรวม 615หลา 8 ทัชดาวน์ไม่เสียอินเตอร์เซ็ปต์ และพาทีมผ่านเข้าไปชิงซูเปอร์โบวล์กับ ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส

จอมทัพร้อยกระบวนท่า ออกตัวไม่ค่อยดีนักในการเล่นซูเปอร์โบวล์ครั้งแรก ขณะที่ชีฟส์อยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา ขณะที่เหลือเวลาการแข่งเพียง 7:13 นาที ทีมได้ครองลูกในดาวน์ที่ 3 ต้องการระยะถึง 15 หลาแต่ก็เป็นจอมทัพหมายเลข 15 ที่จุดประกายความหวังให้ทีมได้อย่างเหลือเชื่อ

มาโฮมส์บอมบ์ไกลระยะ 44 หลาให้ ไทรีก ฮิลล์ ปีกจรวด เปลี่ยนเป็นดาวน์ที่ 1 ซึ่งกลายเป็นเพลย์พลิกชะตาการแข่งขัน เพราะหลังจากนั้น มาโฮมส์ขว้าง 2 ทัชดาวน์ บวกกับการวิ่งเข้าเอนด์โซนจากระยะ 38 หลาของ เดเมียน วิลเลี่ยมส์ ทำให้ชีฟส์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ 31-20 อย่างยิ่งใหญ่

Super Bowl LVII takeaways: NFL MVP Patrick Mahomes leads Kansas City Chiefs to 38-35 win over Philadelphia Eagles in classic title game | CNN

แพทริก มาโฮมส์ พาทีมกลับมาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ครั้งในรอบ 50 ปี มาโฮมส์ได้รับเลือกเป็น ผู้เล่นทรงคุณค่า ในนัดชิงอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง พร้อมกับเป็นการประกาศศักดาว่า เขานี่แหละคือผู้ที่จะก้าวขึ้นมาครองยุคใหม่ของเอ็นเอฟแอล

ในฤดูกาล 2020 ชีฟส์มั่นใจมากว่า มาโฮมส์คือคนที่จะเป็นตำนานของทีม พวกเขาตัดสินใจทุ่มสัญญามหาศาล ระยะเวลา 10 ปี มูลค่า 477 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมโบนัสเพิ่มเติมอีก 26 ล้านดอลลาร์สสหรัฐฯ เป็นสัญญามูลค่ามหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาอเมริกันฟุตบอล

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : มังงะ

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> นักเตะไทย