Dallas Cowboys จาก NFL ทีมกีฬาอเมริกาฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

Dallas Cowboys

ทีมอเมริกันฟุตบอลที่มูลค่าสูงที่สุดในโลก Dallas Cowboys จากลีก NFL

ดัลลัส คาวบอยส์ Dallas Cowboys ทีมอเมริกันฟุตบอล จากลีก NFL ยืนหนึ่งตำแหน่งทีมกีฬา มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก 4 ปีติดต่อกัน จากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes (ฟอร์บส์) นิตยสารทางการเงิน ที่น่าเชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ดัลลัส คาวบอยส์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1960 ตามความตั้งใจของกลุ่มนักธุรกิจจากเมืองดัลลัส ที่ต้องการเห็นเมืองยักษ์ใหญ่ ประจำรัฐเท็กซัส มีทีมอเมริกันฟุตบอลเป็นของตัวเอง ในลีกที่ใหญ่ที่สุดอย่าง NFL

ทีมอเมริกันฟุตบอลของสหรัฐ ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ทางตอนเหนือ และทางตะวันออกของประเทศ การก่อตั้ง ดัลลัส คาวบอยส์ จึงเป็นเหมือนการสร้างทีม เพื่อความภูมิใจของคนตอนใต้ โดยเฉพาะรัฐเท็กซัส

คาวบอยส์ ผงาดขึ้นมาเป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงสุด คือช่วงเวลาเดียวกับที่ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 3 สมัย ใน 4 ปี ขณะที่ ดัลลัส คาวบอยส์ กลับไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือมายาวนานถึง 24 ปี แต่เรอัล มาดริด กลับเสียตำแหน่งทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ให้กับคาวบอยส์ ได้อย่างไร

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูเรื่องราวของ ดัลลัส คาวบอยส์ เคล็ดลับที่ทำให้กลายเป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ทั้งที่ตู้แชมป์ของทีม ไม่ได้ถูกเปิดมามากกว่า 2 ทศวรรษ

ดัลลัส คาวบอยส์ ทีมที่ประสบความสำเร็จ ระดับแถวหน้าในยุค 70’s

ทีมประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แม้เป็นทีมใหม่ ในช่วงยุค 60’s พวกเขาเป็น แชมป์ดิวิชั่น ถึง 3 สมัย ได้เข้าร่วมเพลย์ออฟถึง 4 ครั้ง และเป็นแชมป์คอนเฟอเรนซ์อีก 2 ครั้ง เมื่อเข้าสู่ยุค 70’s ยุคทองของคาวบอยส์ก็มาถึง เข้าเพลย์ออฟถึง 9 ครั้งจาก 10 ครั้งในทศวรรษนี้ เป็นแชมป์ดิวิชั่นอีก 7 สมัย และเป็นแชมป์คอนเฟอเรนซ์ 5 สมัย รวมถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการเป็น แชมป์ซูเปอร์ โบวล์ 2 สมัย ในปี 1971 และ 1977

แต่การจะประสบความสำเร็จต่อเนื่อง และยาวนานในกีฬาอเมริกันฟุตบอลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นที่รู้กันดีว่า NFL พยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อป้องกันการผูกขาดในลีก เพราะต้องการให้ทุกทีมมีโอกาสเป็นผู้ชนะ และด้วยความเชื่อนี้ ลีกจะสามารถดึงดูดผู้ชมได้มากมาย แม้จะมีการป้องกันการผูกขาด แต่ ดัลลัส คาวบอยส์ สามารถทำลายกำแพงที่ขวางกั้น กลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จ ระดับแถวหน้าในยุค 70’s

นอกจากจะสร้างชื่อเสียง จากความสำเร็จของทีม ดัลลัส คาวบอยส์ ยังมีกลุ่มผู้เล่นที่ถูกเรียกว่า ดูมส์เดย์ ดีเฟนส์ (Doomsday Defense) หรือกลุ่มผู้เล่นทีมรับของคาวบอยส์ ที่สร้างชื่อตั้งแต่ช่วงปลายยุค 60’s จนถึงยุค 70’s เป็นกลุ่มผู้เล่นที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันเกรียงไกร

ดูมส์เดย์ ดีเฟนส์ เข้ามารับบท ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม สร้างความนิยมให้กับคาวบอยส์ กระฉ่อนไปทั่วสหรัฐอเมริกา แม้จะเป็นทีมประจำเมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัส แต่ด้วยคุณสมบัติรอบด้านของทีมคาวบอยส์ ในเวลานั้น กองเชียร์ของทีมไม่ได้มีแค่กองเชียร์ท้องถิ่นนิยม แต่โด่งดังไปทั่วสหรัฐอเมริกา

นอกจากภาพลักษณ์ ที่ดูแข็งแกร่งผ่าน ดูมส์เดย์ ดีเฟนส์ ความสำเร็จที่ไม่ขาดมือ ยังมีโลโก้ดาวเดียวสุดเท่กระชากใจ ดึงดูดกองเชียร์เข้าหาทีม รวมถึงชุดแข่งเหย้าสีขาว ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร (โดยปกติของ NFL ชุดสีขาวจะเป็นชุดที่ใช้ในกรณีเป็นทีมเยือน จึงเท่ากับว่าทีมดาวเดียว แทบจะใส่ชุดเหย้าลงสนามทุกนัด ยกเว้นกรณีพิเศษ) ทำให้คาวบอยส์ กลายเป็นทีมขวัญใจของชาวมะกัน

จนนำไปสู่ประโยคคลาสสิค ที่จะสร้างเครื่องหมายการค้า และความภูมิใจให้กับ ดัลลัส คาวบอยส์ ไปตลอดกาล “พวกเขาปรากฎตัวผ่านโทรทัศน์บ่อยมาก ใบหน้าของผู้เล่นเป็นที่จดจำไม่ต่างอะไรจากประธานาธิบดี หรือดาราภาพยนตร์ เพราะพวกเขาคือดัลลัส คาวบอยส์ ‘ทีมของชาวอเมริกัน’ (America’s Team)” จอห์น ฟาเซนดา (John Facenda) ผู้บรรยายกีฬาชื่อดัง กล่าวประโยคนี้ในปี 1978 กลายเป็นที่จดจำในหมู่แฟนกีฬา NFL จนถึงปัจจุบัน

America’s Team คำที่สื่อประโคมเรียก ดัลลัส คาวบอยส์

ทีมอเมริกันฟุตบอลจากรัฐเท็กซัส กลายเป็นที่จดจำของคนทั้งประเทศ เป็นเรื่องยากมากที่ทีมกีฬาทีมหนึ่ง จะได้รับยกย่องให้เป็นทีมของคนทั้งชาติ แต่ความยิ่งใหญ่ของ ดัลลัส คาวบอยส์ ในยุค 70’s ก็สร้างคำอันล้ำค่า ที่สร้างมูลค่าอันมหาศาลให้กับพวกเขา

ดัลลัส คาวบอยส์ สามารถคงความแข็งแกร่งของตัวเอง เข้ามาในยุค 80’s แต่หลังจากปี 1985 เป็นต้นมา พวกเขาพลาดการเข้ารอบเพลย์ออฟ ติดต่อกัน 4 ปีซ้อน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1965 กลายเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายของพวกเขา

นอกจากเรื่องผลงานที่จมดิ่ง สถานะทางการเงินของคาวบอยส์ ถือว่าย่ำแย่ไม่ต่างกัน ทีมขาดทุนปีละ 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม วิกฤติของคาวบอยส์ในครั้งนี้ กับกลายเป็นโอกาสให้ทีมได้เจ้าของใหม่ ที่จะเข้ามาสร้างยุคทองให้กับเเฟรนไชส์อีกครั้ง

แม้สถานการณ์จะย่ำแย่ แต่ด้วยชื่อเสียงเก่าของทีม ทำให้นักธุรกิจรายหนึ่งมองว่า การซื้อทีมอเมริกันฟุตบอลทีมนี้มาเป็นของตัวเอง จะช่วยสร้างรายได้และกำไรให้กับเขาอย่างมหาศาล ชายคนนั้นคือ เจอร์รี โจนส์ (Jerry Jones)

เขาคือหนุ่มนักธุรกิจ ผู้เริ่มต้นชีวิตด้วยการเปิดร้านพิซซ่า โดยยืมเงินของ จิมมี ฮอฟฟา (Jimmy Hoffa) มาทำธุรกิจ จนร่ำรวยกลายเป็นเจ้าของธุรกิจประกันภัย และธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ ตัดสินใจลงทุนทุ่มเงิน 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 3,640 ล้านบาท) ซื้อแฟรนไชน์ที่ใกล้จะเจ๊งมาเป็นของตัวเอง ในปี 1989 เพื่อเดิมพันการตัดสินใจทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดของเขา

แม้หลายคนจะไม่เข้าใจว่าเหตุใด เจอร์รี โจนส์ ถึงซื้อทีมคาวบอยส์ ด้วยเงินอันเป็นสถิติโลกของการซื้อทีมกีฬาในเวลานั้น แต่โจนส์รู้ดีว่า ทีมที่เขาซื้อสามารถเพิ่มมูลค่าได้อย่างง่ายดาย ด้วยชื่อเสียงของคาวบอยส์ที่สะสมมานานก่อนหน้านี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำให้ได้ คือพาคาวบอยส์กลับมามีผลงานที่ดีอีกครั้ง เหมือนในช่วงยุค 70’s

การพา Dallas Cowboys กลับมามีผลงานที่ดีอีกครั้งของ เจอร์รี โจนส์ เจ้าของแฟรนไชน์

เจอร์รี โจนส์ ใช้อิทธิพล โทรทัศน์เข้ามาช่วยเหลือ ท่ามกลางสงครามแย่งชิงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด NFL เขาพา ดัลลัส คาวบอยส์ ย้ายจากช่อง CBS ไปอยู่กับ Fox พร้อมกับการล็อบบี้ ให้ Fox ฉายคาวบอยส์ออกโทรทัศน์ ในช่วงไพร์มไทม์ หรือการแข่งขันเกมในช่วงค่ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่มีช่วงเวลาไหน ที่คนสหรัฐอเมริกา จะดู NFL ไปมากกว่าช่วงเวลาไพร์มไทม์ เมื่อมีผู้ชมเยอะ คาวบอยส์ ก็สามารถใช้ข้อได้เปรียบตรงนี้ ในการดึงสปอนเซอร์ให้เข้ามาสนับสนุนทีมได้ไม่ยาก

ขณะเดียวกันการได้ออกไพร์มไทม์ ยังทำให้ผู้คนเริ่มผูกพันกับทีม และรู้สึกว่าคาวบอยส์ ไม่ใช่ทีมธรรมดาทั่วไป แต่เป็นทีมหัวแถวของ NFL ยิ่งทำให้มูลค่าของคาวบอยส์เพิ่มสูง นำหน้าแฟรนไชส์อื่นแบบไม่เห็นฝุ่น

จนถึงตอนนี้เว็บไซต์ทางธุรกิจ ยกให้การทำดีลระหว่าง Fox กับคาวบอยส์ในครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คาวบอยส์ กลายเป็นทีมกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ดูบอล

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> กีฬาเบสบอล