Michael Jordan นักกีฬาบาสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

Michael Jordan

Michael Jordan นักบาสระดับตำนาน ของทีม Chicago Bulls 

หากย้อนกลับไปยุค 90 เมื่อพูดถึงกีฬาบาส แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อของนักบาสคนหนึ่งที่โด่งดังแบบมาก ๆ เรียกได้ว่าไม่มีใครในยุคนั้นไม่รู้จัก ก็คือ  Michael Jordan เขาคนนี้คือ นักบาสระดับตำนาน ที่พาทีม ชิคาโก บูลส์ คว้าแชมป์ NBA ได้ถึง 6 สมัยในรอบ 8 ปี

โดยมีอยู่ 2 ปีที่ทีมได้เว้นว่างจากตำแหน่งแชมป์อยู่บ้าง ซึ่งเกิดจากการที่จอร์แดนตัดสินใจอำลาวงการบาสชั่วคราว และหันไปเล่นเบสบอลอาชีพแทนในช่วงฤดูกาล 1993-94 ก่อนจะตัดสินใจกลับมาเล่นบาสอีกครั้งในช่วงท้ายของฤดูกาล 1994-95 ในยุคนั้นเมื่อใดที่จอร์แดนลงสนามเล่นเต็มฤดูกาล บทสรุปจะมีอยู่เพียงข้อเดียวคือ การเป็นแชมป์เท่านั้น เรียกได้ว่ามีโอกาส 100% ที่ทีมที่เขาลงเล่นจะกลายเป็นแชมป์

และแม้ว่าจอร์แดนจะอำลาวงการบาสมานานแล้วเกือบ 20 ปี แต่ทว่าผลงานที่เขาทำไว้ทั้งในและนอกสนามก็ยังกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลมากกว่านักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ทุกคนบนโลกนี้เลยทีเดียว

2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 66,150 ล้านบาท) คือมูลค่าทรัพย์สินของจอร์แดนจากการจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes และปัจจุบันเขาคือมหาเศรษฐีอันดับ 1,001 และขึ้นแท่นเป็นอดีตนักกีฬาที่รวยที่สุดอันดับ 1 ของโลก และเป็น นักกีฬาบาสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

แต่ในช่วงที่โลกกีฬากำลังหยุดพัก เจ้าของฉายา His Airness ก็ได้กลับมาอีกครั้งในสารคดีความยาว 10 ตอนที่ชื่อว่า The Last Dance ซึ่งออกฉายทาง ESPN และ Netflix ทำไมนักกีฬาบาสเตลบอลคนนี้ถึงยิ่งใหญ่มาก ถึงขั้นมีสารคดีเป็นของตัวเอง และ ทำไมชื่อของเขายังไม่เคยเลือนหาย และทำไมเขาจึงกลายเป็นหนึ่งใน นักกีฬาบาสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก แม้เลิกเล่นบาสไปแล้ว

Trieste, in primavera, una mostra su Michael Jordan, sarà la più grande mai realizzata - TRIESTE.news

ประวัติของ ไมเคิล จอร์แดน (Michael Jordan)

Michael Jordan มีชื่อเต็มว่า “ไมเคิล เจฟฟรี จอร์แดน” (Michael Jeffrey Jordan) เขาเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ สังกัดทีมชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) เล่นในตำแหน่งการ์ด ในลีกเอ็นบีเอ (NBA : National Basketball Association) ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็น นักกีฬาบาสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก  ปัจจุบันเลิกเล่นแล้ว

โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 ที่บรู๊กลิน ในมลรัฐนิวยอร์ก จบการศึกษาระดับไฮสคูลที่เลนีย์ ไฮสคูลในวิลมิงตั้น มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา และจบการศึกษาระดับวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์

ในการเล่นบาสเกตบอล ไมเคิล จอร์แดน มีความสูงถึง 198 เซนติเมตร (6 ฟุต 6 นิ้ว) จึงมีความโดดเด่นในวงการบาสเกตบอล ได้เริ่มเล่นบาสเกตบอลให้กับทีมมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์ และภายหลังได้รับเลือกไปเล่นให้กับทีม ชิคาโก บูลส์ ในการดราฟ เป็นอันดับที่ 3

ไมเคิล จอร์แดนเล่นให้ทีม ชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) ในปี ค.ศ .1984 สามารถทำให้ ทีมชิคาโกบูลล์ เป็นแชมป์ เอ็น บี เอ ถึง 6 สมัย และได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของเอ็นบีเอ 5 สมัย (ค.ศ. 1988, 1991, 1992, 1996 และ 1998) และได้รับ 3 รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า 2 สมัย (MVP triple-crown, ที่หมายถึงการได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)

3 ประเภท คือ รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในฤดูกาล, รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าหลังฤดูกาลในช่วงแข่งชิงแชมป์เอ็นบีเอ, และ รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในการแข่งรวมดาวนักกีฬา ในฤดูกาลเดียวกัน)

ในสนามบาส ไมเคิล จอร์แดน เป็นตำนานขนาดไหน?

ไมเคิล จอร์แดน เคยพาทีมคว้า 6 แชมป์, ได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล (MVP) 5 ครั้ง, ติดทีม NBA All-Stars 14 ครั้ง, เป็นผู้เล่นที่ทำแต้มมากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลถึง 10 ครั้ง และรางวัลอื่น ๆ อีกมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานยืนยันความสำเร็จของเขา ที่ทำมาตลอด 15 ปี ที่ยึดบาสเกตบอลเป็นอาชีพ

นอกจากปาฏิหาริย์ที่เขาทำในสนามมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ปรากฏการณ์นอกสนามที่ไมเคิลทำนั้น ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน จากฟอร์มการเล่นในระดับที่ใครหลายคนยกให้เป็น ‘GOAT’ (Greatest of All Time–ผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล)  ชื่อเสียงของเขาก็ไปไกลเกินกว่าสนามบาสเช่นกัน โดยเขาจะเป็นที่พูดถึงไม่ว่าจะในหมู่คนที่สนใจบาสหรือไม่สนใจบาสก็ตาม

ในช่วงเวลานั้นทุกคนล้วนต้องเคยได้ยินชื่อเขา และนำพามาซึ่งภาพลักษณ์ของนักกีฬาที่เป็นแต่ผู้ชนะและไม่เคยยอมแพ้ หลายแบรนด์สินค้าระดับโลกจึงสนใจอยากดึงตัวเขามาร่วมงาน ตั้งแต่เขายังไม่ได้เล่นบาสเป็นอาชีพเลยด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าไมเคิลจะปรากฎตัวในงานงานโฆษณาครั้งแรกจากการเป็นพรีเซนเตอร์หลักของแบรนด์กีฬา Nike ในช่วงปีแรก ๆ ที่เริ่มเล่นบาสอาชีพ แต่ชื่อเสียงของเขาหลังจากนั้นก็มีเพิ่มมากขึ้นจนได้แบรนด์ต่าง ๆ ตามมาอย่าง Coca-Cola, Chevrolet, McDonald’s และ Gatorade หลายแบรนด์ดังต่าง ๆ หันมาเลือกใช้บริการเขาด้วยกันทั้งนั้น และโฆษณาพวกนั้นก็เป็นหนึ่งในโฆษณาที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดตลอดกาลด้วย

การเซ็นสัญญากับ NIKE ออกรองเท้า รุ่น Air Jordan

ในปี 1984 ตอนนั้นจอร์แดนยังไม่ทันเล่นบาสอาชีพ แต่ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งแต่การเล่นระดับมหาวิทยาลัย ในวันที่ทีม Chicago Bulls เลือกเขาเข้าทีมในวัย 21 ปี แบรนด์กีฬาอย่าง Nike ก็จับไมเคิลเซ็นสัญญา 5 ปี มูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในยุคนั้นถือว่าเป็นเงินที่สูงมากสำหรับนักบาสที่ยังไม่ได้พิสูจน์ผลงานในสนามมืออาชีพ

แต่สาเหตุที่ Nike ตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะพวกเขาเล็งเห็นว่านักบาสจากมหาวิทยาลัย North Carolina คนนี้มีสิทธิก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ได้ในอนาคต ด้วยความเชื่อมั่นพวกเขาจึงออกแบบรองเท้าบาสรุ่นใหม่ โดยเอาจอร์แดนมาเป็นพรีเซนเตอร์โดยเฉพาะ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ‘Air Jordan I’ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1984

เป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบให้มีสีแดงและดำเป็นสอดคล้องไปกับทีม Chicago Bulls สำหรับในยุคนั้น รองเท้าที่ใช้คู่สีสดแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่มาก ๆ มันโดดเด่นกว่ารองเท้าผ้าใบตัวไปซึ่งมักจะเป็นสีขาว เมื่อผสมกับฟอร์มในสนามของจอร์แดน ก็ทำให้กลายเป็นปรากฎการณ์ Air Jordan I ทำยอดขายได้ถล่มทลายจนทำให้รองเท้าบาสในซีรีส์ Air Jordan ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

หลังจากรองเท้ารุ่นแรก Nike ก็ยังคงปล่อยรองเท้าบาสรุ่นใหม่ออกมาเรื่อย ๆ แม้แต่ในวันที่ไมเคิลเลิกเล่นบาสเกตบอลไปแล้ว ไนกี้ก็ยังคงรักษาชื่อแบรนด์นี้พร้อมต่อยอดไปไกลกว่าการเป็นแค่รองเท้าบาส โดยด้วยเชิญศิลปินมาร่วมออกแบบ ให้มีการนำโลโก้ Jumpman ของพวกเขาไปโชว์ตามที่ต่าง ๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป็นที่สนใจในแวดวงบาสเกตบอลอย่างเดียว

หรือจะพูดได้ก็คือแบรนด์ได้กลายเป็นทั้งรองเท้ากีฬาและรองเท้าแฟชั่นไปด้วย กลายเป็นว่ามีฐานแฟนคลับมากมายทั่วโลกและยังคงได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ เสมอมา จากความสำเร็จนี้ไนกี้ จึงกับตั้งแผนก Jordan ออกมาจากบริษัทหลักเพื่อดูแลร่วมกับ ไมเคิล จอร์แดน โดยเฉพาะ ซึ่งมีการเปิดเผยทาง นิตยสาร Forbes ออกมาว่า มูลค่าของแบรนด์ Jordan ในปัจจุบันนั้นสูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้วยจำนวนเงินมหาศาล ทำให้จอร์แดนได้รับผลตอบแทนถึง 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แค่จำนวนเลขส่วนนี้แค่ปีเดียวก็มากกว่าเงินที่เขาได้รับตลอดการเล่นบาสอาชีพ ในวันที่เขาเกษียณอาชีพ ชื่อของเขายังคงทำเงินให้เขาจนถึงตอนนี้

ซึ่งในปีที่ผ่านมาจอร์แดนมีทรัพย์สินที่เปิดเผยต่อสาธารณะสูงถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ และนั่นส่งผลให้เขาถูกจัดอันดับให้เป็น นักกีฬาที่ร่ำรวยที่สุดตลอดกาล

การก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาที่รวยที่สุดในโลกหลังเลิกเล่น ของ Michael Jordan

ไมเคิล จอร์แดน เป็นคนแรกที่รักษาความไอคอนและทำเงินได้มากมายจากการเป็น นักกีฬา นอกจากรายได้ที่ได้จากแบรนด์ ชื่อเสียงของจอร์แดนยังทำให้เขามีสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์กับอีกหลายธุรกิจ พร้อมกันนั้นเขายังนำเงินที่ได้มาลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองสนใจ ตั้งแต่ธุรกิจทำร้านอาหารไปจนถึงการเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอลใน NBA

ในปี 2014 เป็นอดีตนักบาสอาชีพคนแรกที่ได้ขึ้นเป็นเจ้าของทีม NBA โดยเขาค่อยๆ ซื้อหุ้นทีม Charlotte Hornets จนมีหุ้น 90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของทีมนี้เต็มตัว ซึ่งปัจจุบันหุ้นที่เขาถือมีมูลค่ากว่า 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทีมนี้ยังคงทำกำไรให้เขาทุกปี แม้ผลงานของทีมจะเดินไปอย่างช้า ๆ แต่โดยรวมยังถือว่ามีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากการลงทุนเหล่านี้ จอร์แดนยังมีข่าวการลงทุนย่อยของเขาปรากฏอยู่เป็นประจำ ไล่ตั้งแต่การลงทุนกับธุรกิจกีฬา eSports ไปจนถึงลงทุนในธุรกิจแบรนด์เครื่องดื่มเตกีล่า ยิ่งเงินที่เขาได้รับมีมากเท่าไหร่ การนำไปลงทุนต่อยิ่งยอดออกดอกออกผลมากขึ้น พร้อมกันระหว่างทางเขายังแบ่งปันมันให้กับคนอื่น

ช่วง วิกฤตไวรัสโควิด-19 ลีกบาสเกตบอลต้องมีอันหยุดชั่วคราว กิจการต้องหยุดชะงักไปทุกหนแห่ง แต่ทีม Charlotte Hornets เป็นหนึ่งทีมที่ยังคงจ่ายเงินค่าจ้างพนักงานเท่าเดิม แม้กระทั่งรายได้ที่เขาได้รับจากสารคดีเรื่อง Last Dance เขาก็นำเงินทั้งหมดบริจาคให้กับองค์กรการกุศล จึงไม่แปลกใจที่จอร์แดนกลายเป็นนักฬาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : โหลดเกมส์

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> นักฟุตบอลที่กลัวเครื่องบิน