ซูเปอร์โบวล์ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL)

ซูเปอร์โบวล์ การแข่งขันที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก มีผู้ติดตามมากกว่า 100 ล้านคน

แม้ว่ากีฬาอย่าง อเมริกันฟุตบอล จะไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศไทย บางคนก็แทบไม่รู้จักเกี่ยวกับกีฬานี้ด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับกีฬายอดฮิตอื่น ๆ เช่น ฟุตบอล เทนนิส กอล์ฟ บาสเกตบอล แถมยังมีกติกาการเล่นที่ไม่คุ้นหูค้นตาเท่าไหร่นัก จึงทำให้ใครหลายคนไม่ได้เป็นแฟนกีฬานี้นัก อย่างน้อยที่สุดก็อาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง อาจได้ยินเกี่ยวกับข่าวสาร เพราะในการแข่งขัน ซูเปอร์โบวล์

จะมีการแสดงของศิลปินและวงดนตรีระดับโลก ระหว่างช่วงพักครึ่งของศึก Super Bowl หรือ ที่เรียก ‘Super Bowl Half Time Show’ ในทุกปี ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดคำถามเกิดขึ้นว่า ทำไมกีฬา อเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ถึงมีอิทธิพลมากมายแบบนั้น แม้แต่การแข่งขันฟุตบอลโลกที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ก็ยังไม่ได้รับการติดตามมากเท่านี้

แต่ก่อนที่เราะจะไปหาคำตอบ เราต้องพาทุกคนย้อนไปอธิบายถึงความยิ่งใหญ่ของการแข่งขัน ซูเปอร์โบวล์ ก่อนว่า ทำไมการแข่งระหว่างทีม อเมริกันฟุตบอล 2 ทีม ได้กลายมาเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โต และมีผู้คนให้ความสนใจขนาดนี้

ซูเปอร์โบวล์ คืออะไร? ทำไมถึงเป็นกีฬาที่คนอเมริกันให้ความสนใจ

ซูเปอร์โบวล์ เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศประจำปีของทีม อเมริกันฟุตบอล อาชีพNFL หรือ National Football League โดยเป็นการชิงแชมป์ระหว่างทีมชนะเลิศจากฝั่ง NFC (National Football Conference) และสาย AFC (American Football Conference) จัดขึ้นในทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมกราคม หรืออาทิตย์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

และด้วยพื้นฐานของคนอเมริกันที่เป็นพวกคลั่งไคล้กีฬา โดยเฉพาะกีฬา อเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็น กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา จากการเก็บผลสำรวจพบว่า มากกว่า 34 เปอร์เซ็นต์ ของชาวอเมริกันเลือกให้กีฬาคนชนคนนี้เป็นกีฬาโปรดของตน

ความคลั่งไคล้นี้ไม่ใช่แค่ธรรมดา ขนาดที่ว่า ถ้าคุณเป็นนักกีฬา อเมริกันฟุตบอล ของโรงเรียน คุณจะกลายเป็นหนึ่งคนที่ฮ็อตที่สุดของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ในวันที่มีแข่ง อเมริกันฟุตบอล ทุกคนในครอบครัวจะนั่งจดจ่ออยู่หน้าทีวีเพื่อเชียร์ทีมรัก บาร์ร้านอาหารจะเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องเพลงเชียร์ พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง

แต่ไม่ใช่กับนัดชิงชนะเลิศหรือ Super Bowl ที่ดูเหมือนบรรยากาศจะอยู่คนละระดับเลยทีเดียว

ซูเปอร์โบวล์

ทุกสายตาจับจ้องไปที่เกมการแข่งขัน ถนนทุกเส้นสายในประเทศจึงเงียบเหมือนป่าช้า

เพราะเป็นแข่งขันในรอบชิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา และมีผู้ติดตามชมเยอะที่สุดในโลก มากกว่า 100 ล้านคน จึงไม่ได้เป็นแค่การแข่งในระดับธรรมดา และในวันนั้นถนนทั่วทั้งประเทศอเมริกา จะเงียบเหมือนป่าช้า เพราะทุกสายตาจับจ้องไปที่เกม ที่กำลังเริ่มขึ้น หากใครมีเงินก็จะแย่งกันซื้อตั๋วไปชมการแข่งขันแบบติดขอบสนาม

ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด เพราะทุกคนต่างก็อยากไปดู ซูเปอร์โบวล์ ยิ่งกว่าการแย่งกันซื้อบัตรคอนเสิร์ตเพื่อไปชมศิลปินเกาหลี ด้วยนิสัยของคนอเมริกันขึ้นชื่อสำหรับการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกับเทศกาลสำคัญ ของการแข่งขัน กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา

สถิติภายในวันที่มีการแข่ง Super Bowl กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉลี่ยแล้ว พิซซ่า ฮัท ขายพิซซ่าได้ถึง 2 ล้านถาดในวันที่มีการแข่งขัน และยอดขายเบียร์ขายได้มากกว่า 1,248 ล้านกระป๋อง นอกจากนี้ยังมีสถิติที่ระบุว่า คนอเมริกันกินไก่ทอดประมาณ 1,250 ล้านปีก ซึ่งนับเป็นระยะทางถึง 1 ใน 4 ของโลกไปยังดวงจันทร์เลยทีเดียว

เมื่อผู้คนให้ความสนใจและจับตามองเกมการแข่งขัน การโฆษณาในการแข่งขันนี้ จึงเป็นเหมือนช่วงเวลาทองของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ ทำให้เหล่าครีเอทีฟโฆษณาต่างต้องการที่จะนำเสนอหนังโฆษณาของตนผ่านช่วงเวลาโฆษณาของการแข่ง มีการแย่งชิงแอร์ไทม์ของเหล่าสปอนเซอร์และคนซื้อพื้นที่โฆษณา ทางNFL จึงต้องการที่จะเพิ่มมูลค่าของแอร์ไทม์ตรงนี้ให้เพิ่มสูงไปมากกว่าเดิม

ในปี 1967 NFLจึงได้เริ่มจัด Halftime Show ซึ่งจะเป็นการแสดงถึงศักยภาพของวงโยธวาทิตและเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ได้รับคัดเลือก เพื่อต้องการสร้างสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชม และดึงดูดผู้ที่ไม่ใช่คอกีฬาให้ติดตาม Super Bowl ด้วย จนกระทั่งในปี 1991 ที่ Halftime Show ได้เปลี่ยนเป็นการแสดงของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างเต็มรูปแบบ

ซูเปอร์โบวล์

ดังนั้นด้วยความยิ่งใหญ่นี่เอง ศิลปินที่มาขึ้นโชว์ในช่วงพักครึ่งจะเป็นศิลปินธรรมดาไม่ได้ ต้องเป็นศิลปินระดับโลกที่มีคนรู้จักมากกว่า 10 ล้านคนขึ้นไป และต้องออกโชว์แบบที่คนชอบด้วย ถึงจะได้รับเชิญให้มาแสดงที่ Half Time Show แถมทาง NFL ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้ศิลปินแม้แต่บาทเดียวด้วย เพราะการแสดงบน Super Bowl เทียบได้กับเกียรติยศสูงสุดของศิลปินนักดนตรี

ซึ่งเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ทำการแสดงต่อสายตาของชาวอเมริกันทุกคนที่จับจ้อง ด้วยความนิยมของกีฬาและเหตุผลทางการตลาดประกอบกัน ทำให้สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการแข่งขันแห่งทุนนิยมโดยแท้ เพราะในบางปี ผู้คนจดจำชื่อของศิลปินที่ขึ้นแสดงใน Half Time Show มากกว่านักกีฬาที่มีชื่อทำทัชดาวน์เสียอีก

Super Bowl

ประวัติความเป็นมาของ ซูเปอร์โบว์ล กีฬาอันดับหนึ่งยอดนิยมของประเทศสหรัฐอเมริกา

ซูเปอร์โบว์ล คือเกมการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศของรายการ อเมริกันฟุตบอล NFL (National Football League) ประจำปีซึ่งจะแบ่งทีมเป็นสองสาย ได้แก่ สาย NFC (National Football Conference) และสาย AFC (American Football Conference) โดยแต่ละสายจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มแข่งแบบพบกันหมด และเอาทีมที่ดีที่สุดของแต่ละกลุ่มเข้าไปแข่งเพยล์ออฟจนเหลือสองทีม เพื่อเข้าไปแข่งนัดชิงชนะเลิศ

หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์โบวล์ เพื่อหา ทีมอเมริกันฟุตบอลที่ดีที่สุดของประเทศ ซูเปอร์ โบว์ล เป็นการแข่งขันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 1967 ถ้วยรางวัล วินซ์ ลอมบาร์ดี (Vince Lombardi) ประจำการแข่งขัน ซูเปอร์ โบว์ล ซึ่งเป็นหนึ่งใน ถ้วยรางวัลที่โด่งดังที่สุดในโลก

ซูเปอร์โบวล์

ถ้วยรางวัล วินซ์ ลอมบาร์ดี มีขนาด 22 นิ้ว หนัก 7 ปอนด์ (3.18 กิโลกรัม) ออกแบบโดย ออสการ์ รีเดเนอร์ (Oscar Riedener) รองประธานบริษัท Tiffany & Co. แบรนด์ผลิตเครื่องประดับชื่อดังระดับโลก

ซึ่งได้รับการไหว้วานจาก พีท โรเซลล์ (Pete Rozelle) คอมมิชชั่นเนอร์ (ผู้บริหารสูงสุด) ของNFL ในปี 1966 ให้ออกแบบถ้วยรางวัลสำหรับการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งแรกที่จะมีขึ้นในปี 1967

ลักษณะของถ้วยใบนี้มีลูกฟุตบอลในตำแหน่งที่พร้อมจะเตะ พร้อมกับตราNFL ประดับอยู่ตรงกลาง ใช้เวลาในการผลิต 4 เดือน ผ่านขั้นตอนพิเศษมากมายทั้งการ ตัดโลหะ กลึงขี้นรูปให้เป็นฟุตบอล ทำฐาน แกะสลักต่าง ๆ

ในยุคแรก ช่วงปี 1967-1969 ชื่อของถ้วยรางวัลใบนี่มีชื่อว่า “World Championship Game Trophy” ซึ่งทีมแรกที่คว้าถ้วยนี้ไปครองได้ก็คือทีม กรีนเบย์ แพ็คเกอรส์ (Green bay Packers)

ซูเปอร์โบวล์

ภายหลังในปี 1970 ทางNFL มีการเปลี่ยนชื่อถ้วยรางวัลมาเป็น “Vince Lombardi Trophy” เพื่อเป็นเกียรติให้กับ วินซ์ ลอมบาร์ดี้ ผู้จัดการทีมระดับตำนานของ กรีนเบย์ แพ็คเกอรส์ ผู้พาทีม กรีนเบย์คว้ามแชมป์ซูเปอร์ โบวล์ได้เป็นทีมแรกในปี 1967 ซึ่งเสียชีวิตในปีนั้น

ทีมผู้ชนะ ซูเปอร์โบว์ล ในแต่ล่ะปีจะได้รับการสลักชื่อทีม ทีมคู่แข่ง วัน เดือน ปีที่แข่ง สกอร์ที่เกิดขึ้นและจะมอบให้กับทีมผู้ชนะรวมถึงถ้วยจำลองขนาดเล็กเพื่อมอบให้กับผู้เล่นและสต๊าฟโค้ชทุกคนในทีม

เกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับซูเปอร์โบวล์

  • มีอีกถึง 12 ทีมที่ไม่เคยได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์ ประกอบด้วย บราวน์ส, ไลอ้อนส์, แจกัวร์ส, เท็กแซนส์, ชาร์จเจอร์ส, ไททั่นส์, คาร์ดินัลส์, แพนเธอร์ส, ฟอลค่อนส์, เบงกอลส์, บิลล์ส และ ไวกิ้งส์ โดยในกลุ่มนี้ บราวน์ส, ไลอ้อนส์, แจกัวร์ส และ เท็กแซนส์ ไม่เคยแม้แต่หลุดเข้ามาชิง
  • มีควอเตอร์แบ็กตัวจริงเพียงสองรายซึ่งได้แชมป์ซูเปอร์โบวล์กับสองทีม นั่นก็คือ เพย์ตั้น แมนนิ่ง กับ ทอม เบรดี้
  • เคยมีผู้เล่นเพียงคนเดียวซึ่งได้ตำแหน่ง MVP หรือผู้เล่นทรงคุณค่าของเกม ทั้งที่อยู่กับฝ่ายแพ้ เขามีชื่อว่า ชัก ฮาวลี่ย์ ทั้งๆ ที่ดัลลัส คาวบอยส์ ของเขา พ่ายบัลติมอร์ โคลท์ส เมื่อซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 5
  • เคยมีการต่อเวลาเกิดขึ้นครั้งเดียวเมื่อซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 51 ฟอลค่อนส์ทิ้งห่าง 28-3 แต่กลับปล่อยให้เพเทรียตส์ไล่ตีเสมอในเวลาปกติ ก่อนต้องเจ็บช้ำมาจนทุกวันนี้
  • จากที่แข่งขันกันมา 54 ครั้ง ไม่เคยมีทีมเจ้าบ้านได้แข่งซูเปอร์โบวล์ในสนามของตัวเอง แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส คือทีมแรกที่ทำได้เมื่อครั้งที่ 55 แถมยังเป็นผู้ชนะอีกต่างหาก ด้วยการไล่ต้อนชีฟส์ 31-9 พร้อมทำให้ ทอม เบรดี้ กลายเป็นควอเตอร์แบ็กที่แก่สุดซึ่งคว้าแชมป์ด้วยวัย 43 ปี และ บรูซ แอเรี่ยนส์ โค้ชของเขา เป็นโค้ชที่แก่สุดที่ได้แชมป์ด้วยวัย 68 ปี ซีซันล่าสุด แอลเอ แรมส์ ก็ครองแชมป์ในสนามของตัวเองเช่นกัน
  • เพเทรียตส์เข้าชิงซูเปอร์โบวล์มากสุด 11 สมัย เหนือกว่าสตีลเลอร์ส, คาวบอยส์ กับบรองโก้ส์ ถึงสามครั้ง
  • เพเทรียตส์เป็นแชมป์มากสุดหกหน เท่ากับสตีลเลอร์ส
  • เพเทรียตส์ยังแพ้ในซูเปอร์โบวล์มากสุดถึงห้าครั้ง เท่ากับบรองโก้ส์
  • สาเหตุที่เกมซูเปอร์โบวล์ใช้เป็นตัวเลขโรมันก็เกิดจากไอเดียของ ลามาร์ ฮันท์ เจ้าของทีมชีฟส์เช่นเคย โดยมีการริเริ่มใช้เมื่อครั้งที่ 5 (V) เขามองว่าเกมชิงแชมป์จะแข่งกันในปีที่ต่อจากฤดูกาลปกติ เพื่อป้องกันความสับสนจึงควรหาอะไรที่เพิ่มความแตกต่าง