Harry Maguire นักเตะที่ถูกมองเป็นตัวตลก เหตุใดทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

I think it's embarrassing' - Roy Keane slams Harry Maguire celebration as England thrash Albania - Eurosport

Harry Maguire นักเตะที่ถูกมองเป็นตัวตลก เหตุใดทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

Harry Maguire  ทำอะไร ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตไปหมด ปราการหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้นี้ สร้างความผิดพลาดให้สื่อได้จับตามองอยู่บ่อย ๆ และทำให้แม้แต่แฟน ๆ ของปีศาจแดงเอง ก็ยังเหลืออดกับผลงานของเขา

จากนักเตะที่ถูกมองว่าเล่นได้ดีที่สุดในชุดรองแชมป์ยูโร 2020 ตอนนี้ แม้แต่แฟนบอลของอังกฤษ ก็ยังรุมโห่ใส่ แมคไกวร์ ทุกจังหวะที่เขาได้จับบอล เรื่องราวเหล่านี้ อาจจะตลกสำหรับบางคน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกฝ่ายเริ่มมองว่า การล้อเลียนชักเลยเถิดขึ้นไปทุกที นักเตะทีมชาติอังกฤษและสโมสรต่าง ๆ เริ่มโพสต์ข้อความแสดงจุดยืนเคียงข้าง แมคไกวร์ ตาม ๆ กันอย่างเป็นวาระแห่งชาติ…

โลกนี้มีนักบอลที่ถูกมองว่าเป็นจอมเฟอะฟะหละหลวม และถูกจับตามอง ในฐานะตัวตลกมากมาย ก่อนจะถึง แฮร์รี่ แมคไกวร์ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของ ไตตัส บรัมเบิล, ฌอง อแล็ง บูมซง, ปาสกาล ซีก็อง, ริชาร์ด ดันน์, เจมี่ คาร์ราเกอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย นักเตะเหล่านั้นถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นักเตะขวัญใจแฟนบอลฝั่งตรงข้าม

สิ่งที่เราสังเกตเห็นได้ ก็คือ นักเตะทุกคนที่กล่าวมา ทุกคนล้วนเป็นกองหลังหรือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทั้งสิ้น เหตุผลก็ง่าย ๆ เพราะนี่คือตำแหน่งสุดท้ายของทีม ที่จะต้องวัดกับตัวรุกของคู่แข่ง ถ้ากองหน้าของอีกฝั่งผ่านพวกเขาไปได้ นั่นหมายความว่าโอกาสเสียประตูของทีมก็จะสูงลิบในทันทีนั่นเอง

เมื่อมองภาพจากตำแหน่งของพวกเขา แล้วต้องมาดวลกับกองหน้าสุดเปรี้ยวของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่มีความเร็วและความแข็งแรงที่เป็นจุดเด่น มันก็คงไม่แปลกที่ พวกกองหลังจะมีโอกาสพลาดแล้วถูกจดจำจากจังหวะแห่งความล้มเหลวเหล่านั้น เพียงแต่ว่าจังหวะของ แมคไกวร์ เรียกได้ว่าอยู่ใน “จังหวะนรก”

ผลงานของเขากับต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องยอมรับว่ามีข้อผิดพลาดให้เห็นในทุกสัปดาห์จริง ๆ และบางครั้งความผิดพลาดก็ชัดจนต่อให้ไม่ต้องโฟกัสก็ทำให้ถูกพูดถึงในหน้าสื่อได้โดยง่าย

ทุกอย่างมีเหตุผล จังหวะนรกของ แมคไกวร์ เกิดขึ้นจากสถานะของเขา ณ ปัจจุบันด้วย เขาเป็นปราการหลังตัวหลักของทีมชาติอังกฤษมาตั้งแต่ช่วงก่อนฟุตบอลโลก 2018 เป็นกัปตันทีมของสโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีคนจ้องแช่งชักหักกระดูกมากที่สุดทีมหนึ่งในประเทศ ดังนั้นความผิดพลาดที่เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอเมื่อ แมคไกวร์ เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับจังหวะนั้น ๆ

ยิ่งเขาได้เป็นกัปตันของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคที่ผลงานทีมโดยรวมย่ำแย่มายาวนานเกือบ 1 ทศวรรษ พร้อมกับในช่วงเวลาที่โซเชียลมีเดียบูมถึงขีดสุด ทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ ดังนั้นมันยิ่งเป็นเรื่องง่าย ที่ใครสักคนจะเริ่มวิจารณ์เขาเป็นวงกว้างจนกลายเป็นกระแส

และแน่นอนด้วยความเป็นคนอังกฤษ ประเทศที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของวงการสื่อ เรื่องต่าง ๆ ของ แมคไกวร์ ที่เป็นกระแส ก็ถูกสื่ออังกฤษหยิบมาขยี้อย่างแพร่หลาย เพราะพวกสื่อต่างรู้ดีว่า “เล่นไปก่อน ยังไงก็ขายได้”

เรื่องนี้ ลูก้า โมดริช อดีตนักเตะที่เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก ยังเคยออกมาพูดถึงสื่ออังกฤษว่าเป็นพวกชื่นชอบความดราม่า และชอบสร้างกระแส สื่ออังกฤษชอบใช้นักฟุตบอลเป็นเครื่องมือ ระดับที่สามารถทำนักเตะคนหนึ่งให้เป็นคนที่มีชื่อเสียงได้ และสามารถฆ่านักเตะที่พวกเขาสร้างขึ้นมาได้ด้วยการนำเสนอข่าวของพวกเขาเช่นกัน และตอนนี้ แมคไกวร์ เองก็กำลังโดนสื่ออังกฤษปฏิบัติเช่นนั้นติดต่อกันมาเป็นปีแล้ว

Panas di MU! Harry Maguire Diminta Tidak Lagi Jadi Kapten

Harry Maguire กัปตันแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผลงานก็ไมไ่ด้แย่ แต่จมดินด้วยสื่อ

สื่ออังกฤษขึ้นชื่อเรื่องการอวยยศทำให้นักเตะให้ดูเก่งกาจมากกว่าความเป็นจริง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาช้านาน โดยเฉพาะในเวลาที่มีโปรแกรมทีมชาติในทัวร์นาเมนต์สำคัญ ๆ สำนักข่าวแห่งชาติอังกฤษส่วนใหญ่ มีอายุยาวนานเกินกว่า 100 ปีทั้งสิ้น ในสมัยก่อนยังไม่มีการเชื่อมต่อกันไปทั่วโลกเหมือนทุกวันนี้ ไม่แปลกที่ชาวอังกฤษจะมีทัศนคติเอนเอียงไปกับสื่อที่นำเสนอออกมาโดยไม่ตั้งคำถาม

ความเก่าแก่ของสำนักสื่อส่งอิทธิพลต่อคนอังกฤษเป็นอย่างมาก แถมสื่ออังกฤษก็เลือกนำเสนอแต่ความแข็งแกร่งของประเทศตัวเองและดิสเครดิตทีมคู่แข่ง เพื่อชี้นำไปยังปลายทางว่า “อังกฤษจะเป็นผู้ชนะ” เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน ต่อให้คุณไม่ใช่คนอังกฤษก็ยังสัมผัสได้ถึงความมั่นใจเกินเหตุที่สื่ออังกฤษยัดเยียดให้ทีมของพวกเขา

กรณีของ แมคไกวร์ หากลองย้อนความไปตอนที่เขาเล่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ หรือช่วงที่เขาพาทีมชาติอังกฤษไปถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลก 2018 ณ เวลานั้นสื่ออังกฤษก็ชื่นชม แมคไกวร์ ชนิดเป็นคนละคนกับในตอนนี้ เพราะในฟุตบอลโลกครั้งนั้น แมคไกวร์ เล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถดักเก็บกินได้หมด ขณะที่เกมรุกก็ยิงได้ถึง 3 ลูก เรียกได้ว่าทำเกินหน้าที่จนคนทั้งประเทศแห่ชื่นชม

ซึ่งตอนนั้น แมคไกวร์ ก็เก่งจริง หากยังจำความกันได้ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ตัวเขาไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นอีกทีมที่สนใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก แต่สุดท้าย เรือใบสีฟ้า ก็ไม่สู้ค่าตัว

ตัดภาพกลับมาที่เวลานี้ หลังจากที่ แมคไกวร์ ย้ายมา แมนยู ด้วยค่าตัว 85 ล้านปอนด์ อะไรหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ประการแรกที่ทุกคนเข้าใจได้ตรงกันคือ แมคไกวร์ มีความผิดพลาดที่เห็นชัดจริง ๆ เมื่อมีความผิดพลาดและเป็นนักเตะอาชีพ ไม่แปลกที่เขาจะเริ่มโดนวิจารณ์จากสื่อและแฟนบอล แต่ที่หนักยิ่งกว่านั้นคือการถูกล้อกันแบบไม่จบไม่สิ้น ชนิดที่ว่าทุกวินาทีของเขา คือคอนเทนต์ จะพลาดน้อยพลาดมากอะไรก็ช่าง ทุกอย่างเป็นข่าวที่ขายได้เสมอ แล้วสื่ออังกฤษก็ชอบทำข่าวแบบนี้เสียด้วย

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ แมคไกวร์ รับรู้ทั้งหมด เพราะเขาเป็นนักเตะที่ใช้โซเชียลอยู่บ่อยครั้ง และเรื่องนี้มีงานวิจัยว่ามันส่งผลต่อความรู้สึกและสมาธิของนักกีฬาที่ใช้สื่อชนิดนี้แน่นอน เรื่องแบบนี้อาจจะทำให้พวกเขาสลัดออกจากโซเชียลมีเดียไม่ได้ เพราะเข้าไปรบกวนในสมองและวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา

Roy Keane slams "disgrace" Harry Maguire over "embarrassing" reaction to Man Utd critics - Mirror Online

แมคไกวร์ เคยตอบโต้การโดนวิจารณ์จากสื่อและโลกโซเชียลมาแล้ว 1 ครั้ง ในเกมที่ อังกฤษ ชนะ แอลแบเนีย 5-0 ในเกมนั้นเขาโหม่งประตูได้และทำท่าอุดหู แม้ท่าดีใจดังกล่าวจะเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการไม่สนคำวิจารณ์ แต่ก็นั่นแหละถ้าเขาไม่สนคำวิจารณ์ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องแสดงท่าดีใจแบบนั้นเลย แม้ แมคไกวร์ จะบอกว่าเขาแค่คิดจะทำท่านี้ขึ้นมาเฉย ๆ ไม่มีเหตุผลเบื้องหลังก็ตาม

หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นสื่ออังกฤษก็นำเสนอแง่ลบเกี่ยวกับ แมคไกวร์ ราวเป็นเรื่องสนุกประจำ และเรื่องบางเรื่องก็เลยเถิดจากความจริงไปไกล เช่นล่าสุดมีคลิปการเล่นลิงชิงบอลในแคมป์เก็บตัวทีมชาติอังกฤษที่ แมคไกวร์ ดันไปครองบอลไว้กับตัวมากถึง 3 จังหวะ และมีการแคปภาพ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตัน ลิเวอร์พูล ที่ทำท่า “งง” และมีการอ้างว่า เฮนเดอร์สัน พูดกับแม็คไกวร์ว่า “ทำอะไรของคุณน่ะ ?”

เรื่องดังกล่าวก็กลายเป็นความตลกโปกฮา ยิ่งมีกระแสที่ว่าเขาฟอร์มตกและไม่ควรติดทีมชาติประกอบด้วยแล้ว ข่าวดังกล่าวจึงถูกแชร์และนำเสนอไปทั่ว บอลโลก ภายในระยะเวลาอันสั้น

สิ่งที่ตามมาคือในเกมที่ อังกฤษ เอาชนะ ไอวอรี่โคสต์ ในเกมอุ่นเครื่องล่าสุด 3-0 แมคไกวร์ ได้ลงสนาม และเป็นครั้งแรกที่เขาโดนแฟนบอลอังกฤษที่เล่นในเวมบลี่ย์บ้านของตัวเองโห่ทุกจังหวะ ซึ่งหลังจากเกมดังกล่าวจบลงหลายคนในแคมป์ทีมชาติอังกฤษก็ได้แสดงจุดยืนเคียงข้าง แมคไกวร์ ในทันที เพราะพวกเขาต่างคิดว่าเรื่องนี้มันชักจะเป็นการล้ำเส้นมากเกินไป

นักเตะแคมป์ทีมชาติอังกฤษ หลายคนแสดงจุดยืนเคียงข้าง แมคไกวร์

ไทโรน มิงส์ กองหลังทีมชาติอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่ แมคไกวร์ เล่นลิงชิงบอล สามจังหวะจนเป็นไวรัลว่า จริง ๆ แล้วเรื่องดังกล่าวไม่ได้มีอะไรเลย จังหวะดังกล่าวเป็นจังหวะที่วงลิงชิงบอลของพวกเขาส่งบอลกันครบ 45 ครั้งแล้ว จึงมีสัญญาณให้หยุดพักก่อนเพื่อให้คนเป็นลิงได้พัก และมันบังเอิญว่าบอลไปจบจังหวะสุดท้ายที่ แมคไกวร์ พอดิบพอดี นอกจากนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการตั้งคำถามอย่างที่สื่อเอาไปเล่าเอาไปขยี้อีกด้วย

“เราผ่านบอลไปสี่สิบห้าครั้ง และ แมคไกวร์ ก็หยุดบอล ผมเข้าใจสถานการณ์ตอนนั้นเพราะมันเป็นการหยุดเพื่อให้คนที่เป็นลิงได้พักหายใจ”

“จริง ๆ แล้ว แมคไกวร์ แค่หยุดในจังหวะที่พอดิบพอดีเท่านั้น อีกสักพักเขาก็พูดว่า ‘พอแล้ว เดี๋ยวเราค่อยเริ่มใหม่’ ดังนั้นผมจึงยืนยันว่าความเห็นแง่ลบที่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ ฝ่ายนั้นเกิดจากความไม่เข้าใจในบริบททั้งหมดของวิดีโอที่พวกเขาได้เห็น” มิงส์ ที่อยู่ในวงลิงชิงบอลกล่าวภายหลัง

ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คนที่เป็นประเด็นจากคลิปดังกล่าวก็ออกมายืนเคียงข้าง แมคไกวร์ และวิจารณ์สื่อและแฟนบอลอังกฤษกลับว่า

“แมคไกวร์ เป็นผู้นำเกมรับของทีมชาติอังกฤษมา 2 ทัวร์นาเมนต์หลังสุด ถ้าไม่มีเขาเราก็ไม่มีทางไปได้ไกลขนาดนั้น การที่เขาโดนโห่ไล่ในสนามเหย้าของตัวเองเป็นอะไรที่ไม่มีเหตุผลเลย พวกเรากลายเป็นอะไรกันไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอะไรที่แย่มาก ในฐานะของนักเตะที่อยากคว้าชัยชนะให้อังกฤษผมรู้สึกโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมร่วมกับเขา เราทุกคนต่างรู้สึกเช่นนั้น”

การแสดงจุดยืนของ มิงส์ และ เฮนเดอร์สัน นำมาซึ่งเสียงสนับสนุนของ แฮร์รี่ เคน, แกเร็ธ เซาธ์เกต และอีกหลายคนในทีมชาติอังกฤษ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก อาจจะมีใครบางคนที่เห็นด้วยกับสิ่งที่สมาชิกทีมชาติอังกฤษเหล่านี้บอก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้สนใจ และการวิจารณ์ harry maguire ถังน้ำแข็ง

การล้อเลียนก็ตามยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งผู้ที่จะทำให้มันจบลงได้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวของ แมคไกวร์ เอง

harry maguire ถังน้ำแข็ง

ทางรอดจากการตกเป็นเหยื่อแห่งการถูกล้อเลียน

ไม่มีทางไหนเลยที่ แมคไกวร์ จะผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปได้ด้วยการตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดีย เพราะยิ่งตอบโต้ก็ยิ่งมีการตอบโต้กลับแน่นอน ทางเดียวที่จะเขาจะรอดจากการตกเป็นเหยื่อคือการยกระดับการเล่น ตอบโต้คำวิจารณ์ด้วยผลงานในสนามตามแบบฉบับของนักเตะอาชีพ

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดน่าจะคล้าย ๆ กับ กรณีของ เวส บราวน์ และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่แรกเริ่มพวกเขาทั้งคู่ต่างไม่เป็นที่ชอบใจแฟนบอลของตัวเอง จนวันหนึ่งที่พวกเขาสามารถยกระดับการเล่นจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลัก และแต่ละคนก็ไปถึงระดับนักเตะคนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้ เมื่อมาถึงจุดนี้คำวิจารณ์ก็กลายเป็นการยกย่องได้ไม่ยาก แม้เสียงวิจารณ์จากภาพจำในอดีตยังคงมีอยู่บ้างก็ตาม

สิ่งที่ แมคไกวร์ ต้องทำคือการยืนหยัดรับความเป็นจริงของโลกฟุตบอลในยุคนี้ให้ได้ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับมันจนกว่าเขาจะสามารถยกระดับการเล่นไปถึงจุดที่ไม่สามารถมีใครกังขาได้ หรืออย่างน้อยที่สุดคือต้องมีการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นกับทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักกีฬา โดยเฉพาะกับโลกทุกวันนี้ที่ทุกคนเข้าถึงสื่อ และมีพื้นที่ระบายอาหารหัวร้อนของตัวเองในโซเชียลมีเดีย ถ้าเขารับมือกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ อาจหมายถึงว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ผิดที่ ควรจะต้องเปลี่ยนเอาคำวิจารณ์เหล่านั้นมาใช้เป็นเชื้อเพลง ในการกระตุ้นตัวเอง แม้ว่ามันจะทำได้ไม่ง่าย ทว่ามันคือหนทางเดียว ที่เขาจะก้าวพ้นสถานะตัวตลกอันดับ 1 ของ วงการฟุตบอล ณ เวลานี้ได้

ติดตามเว็บไซต์ที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ดูบอล

อ่านบทความเพิ่มเติม >>> ประวัติแชร์บอล